range ที่สมควร c-bet : 10 สถานการณ์ที่เราควร c-bet 100% ทุกครั้ง

กลยุทธ์โป๊กเกอร์เปลี่ยนแปลงไปมากเมื่อเวลาผ่านไป

ก่อนจะมีห้องโป๊กเกอร์ไว้เล่น ผู้คนส่วนใหญ่มักจะเล่นกับแบบ passive มากๆ จากนั้นก็มีผู้เล่นบางคนที่เล่นต่างจากคนอื่น ด้วยการ continuation bet (c-bet) เกือบ 100% ในทุก flop ที่รู้จักกันในนาม “range c-bet” (ย่อมาจาก การ“c-bet ทั้ง range”)

ขณะที่การ c-bet 100% ในทุกสถานการณ์เริ่มมาไกลเกินไป หลายคนก็เริ่มรู้ว่าในบางสถานการณ์ที่กลยุทธ์การ c-bet ด้วยความถี่สูงๆ นั้นไม่เหมาะสม และไม่ optimal 

ในบทความนี้ ผมจะมาแนะนำเกี่ยวกับ 10 สถานการณ์ที่เราควรใช้ประโยชน์จากการมี range advantage ด้วยการ c-bet เกือบทุกแฮนด์ใน range เราจะเริ่มกันที่ single raised pot แล้วค่อยไปต่อกันที่ 3-bet pot

จำไว้เสมอว่าทั้งหมดนี้คือการเล่นแบบ heads-up เพราะการเล่นแบบ multiway pot นั้นจะต่างออกไป และไม่เหมาะกับกลยุทธ์การ c-bet 100%

มาเริ่มกันเลย!

5 สถานการณ์ที่สามารถใช้ Range C-Bet ใน Single Raised Pot ได้

Single raised pot คือประเภทของ pot ทั่วไปที่เราจะได้เล่นบ่อยที่สุด

ด้วยเหตุนี้เอง การใช้กลยุทธ์การ c-bet ที่เหมาะสม จะช่วยสร้างผลกระทบเชิงบวกกับอัตราการชนะโดยรวมของเราอย่างมาก

ข้อควรจำเกี่ยวกับขนาด bet ที่ใช้: ในแต่ละสถานการณ์เหล่านี้ การใช้ขนาด bet เล็ก ประมาณ ⅓ ของ pot คือขนาดของการ c-bet ที่เราควรใช้

สถานการณ์ที่ #1 –  Board K-High ที่ Dry และเรา In Position

ตัวอย่าง : เรา raise จาก CO และ BB call flop ออกมาเป็น K♥ 7♠ 2♦ และ BB check 

นี่คือ board ที่เข้าทาง preflop raiser มาก จากการที่มีโอกาสติด top pair ขึ้นไป ใน range ของเรา 

เมื่อเราวิเคราะห์ตามหลักแล้วว่า preflop aggressor มีโอกาสมี overpair (AA) และ top pair top kicker (AK) ที่ preflop caller ไม่สามารถมีได้ เราจึงสามารถ c-bet ด้วยความถี่สูงๆได้

สถานการณ์ที่ #2 – Board ที่มี Broadway 2 ใบ ที่เรา Out Of Position จาก SB

ตัวอย่าง : เรา rasie จาก SB แล้ว BB call flop ออกมาเป็น K♠ Q♥ 3♣

board ที่มี broadway 2 ใบ นั้นมีการเชื่อมกับ range ของ SB อย่างมาก ด้วยเหตุนี้ เราจึงมี equity สูงใน pot แบบนี้

นอกจากนี้ SB ยังมี nut advantage เพราะมีโอกาสมี 2-pair, set และ overpairs มากกว่า ไม่อย่างนั้น BB ก็น่าจะ 3-bet preflop ด้วย KK/QQ หรือ KQ มาแล้ว

สถานการณ์ที่ #3 – Board ที่มีไพ่ใหญ่ 1 คู่ + 1 ใบ ที่เรา In Position

ตัวอย่าง : เรา raise จาก HJ และ BB call flop ออกมา Q♠ Q♣ A♣ และ BB check

board ที่มีแต่ไพ่ใหญ่และมี 1 คู่ นั้นเชื่อมกับ range ของ preflop raiser ได้ดีมาก เพราะเรามีโอกาสที่จะมี trips สูงกว่าคนที่ defend มา

ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะ คนที่ defend มักจะต้อง 3-bet ด้วยไพ่ broadway ด้วยความถี่สูง (ไม่ค่อย call) หรือเพราะ preflop raiser มี range ที่ tight กว่าตั้งแต่เริ่ม ดังนั้น เมื่อเทียบกันแล้ว เรามีโอกาสจะมี trips สูงกว่า เมื่อเทียบกับทั้ง range  

สถานการณ์ที่ #4 – Board ที่มีไพ่ใหญ่ 1 คู่ + 1 ใบ ที่เรา Out Of Position จาก SB

ตัวอย่าง : เรา raise จาก SB และ BB call flop ออกมาเป็น K♠ K♥ Q♣

เป็นสถานการณ์ที่เหมือนกับสถานการณ์ก่อนหน้า preflop raiser ที่ out of position มีโอกาสที่จะติด trips หรือใหญ่กว่านั้น ที่มากกว่า

นอกจากนี้ range ของคนที่ defend ยังแทบไม่เชื่อมัน board นี้ ด้วย 2 เหตุผลนี้ทำให้การ c-bet ทั้ง range เป็น action ที่เหมาะสมที่สุด

สถานการณ์ที่ #5 – Board ที่มีแต่ไพ่เล็ก 1 คู่ + 1 ใบ (33x-22x) ที่เรา Out of Position จาก SB

ตัวอย่าง : เรา raise จาก SB และ BB call flop ออกมาเป็น 3♥ 2♥ 3♣

การผสมกันของภาวะแวดล้อมต่างๆที่แตกต่างกัน มีผลต่อกลยุทธ์การ c-bet ที่ optimal ในสถานการณ์เหล่านี้ preflop raiser จะไม่มี nut advantage (BB จะมีแฮนด์อย่าง 3x หรือ 2x มากกว่า) แต่ส่วนที่เหลือของ range จะแข็งแกร่งกว่าเมื่อเทียบกับ range ของ preflop caller

เมื่อพิจารณาจากการที่ preflop aggressor :

  • มี overpair มากกว่าและแข็งแกร่งกว่า
  • มักจะมี top pair ที่แข็งแกร่งกว่า
  • มี A-high ที่แข็งแกร่งกว่า
  • มี middle pair มากกว่าและแข็งแกร่งกว่า (ขึ้นอยู่กับว่าไพ่ใหญ่ใน board นี้ใหญ่แค่ไหน

โดยรวมแล้ว preflop raiser จะมี equity advantage บน board แบบนี้สูงกว่า ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์ด้วยการ c-bet บ่อยๆได้

5 สถานการณ์ที่สามารถใช้ Range C-Bet ใน 3-Bet Pot ได้

ถึงแม้เราจะเล่น 3-bet pot ไม่บ่อยเท่ากับ single raised pot แต่มันก็เป็น pot ที่ขนาดใหญ่กว่า ที่จะส่งผลต่ออัตรากำไรโดยทั่วไปของเราอย่างมาก การเล่นที่ผิดพลาดใน pot แบบนี้จึงส่งผลใหญ่หลวงกับเรามากกว่า single raised pot มาก

ข้อควรจำเกี่ยวกับขนาด bet ที่ใช้: ในแต่ละสถานการณ์เหล่านี้ การใช้ขนาด bet เล็ก ประมาณ ⅓ ของ pot คือขนาดของการ c-bet ที่เราควรใช้

สถานการณ์ที่ #1 – Board K-High ที่เรา In Position

ตัวอย่าง : HJ raise แล้วเรา 3-bet จาก CO flop ออกมา K♥ 8♠ 4♦ และ HJ check

เช่นเดียวกับ single raised pot board แบบนี้เข้าทาง preflop 3-bettor มากกว่าจากโอกาสที่จะติด top pair และแฮนด์ที่ดีกว่า ใน range ที่มี เมื่อพิจารณาการที่คนที่ in position มี overpair และ top pair top kicker ขณะที่ คนที่ defend มา ไม่มี เราจึงสามารถ c-bet ด้วยความถี่สูงได้

สถานการณ์ที่ #2 – Board Q-High ที่เรา In Position

ตัวอย่าง : CO raise แล้วเรา 3-bet จาก BTN flop ออกมา Q♠ 6♠ 2♦ และ CO check

ถึงแม้ว่า preflop 3-bettor จะไม่มี top pair top kicker ได้ตลอด (เหมือนที่มีกับ K-high board) แต่ก็ยังมีสัดส่วนของแฮนด์ top pair นี้สูงกว่า preflop caller

3-bettor สามารถมีได้ทั้ง overpair (AA/KK) และ set (QQ) ที่ preflop caller ไม่มี จึงเป็นโอกาสของการ c-bet ที่ดี

สถานการณ์ที่ #3 – Board A-High ที่เป็น Broadway 3 ใบ  ที่เรา In Position

ตัวอย่าง : CO raise แล้วเรา 3-bet จาก BTN flop ออกมา A♠ Q♥ J♠ และ CO check

ใน board นี้ preflop 3-bettor จะมี equity advantage สูงที่สุดที่เราจะเจอใน flop ของ No Limit Hold’em (ประมาณ 75% ต่อ 25%) ไม่เพียงแต่เราจะมี range advantage แต่เรายังมี nut advantage ที่สูงมาก โดยเฉพาะเมื่อเล่นจาก BTN

ทำไมเราถึงมี advantage ต่างๆที่สูงกว่าเมื่อ 3-bet จาก BTN? เพราะ 3-bet range จากตำแหน่งนี้จะมี offsuit broadway (เช่น QJ) ได้เป็นจำนวนมาก ที่ผู้เล่นคนอื่นที่ call มา เมื่อเจอ 3-bet ไม่สามารถมีได้  

การ c-bet ขนาดเล็กกับทั้ง ranhe จึงเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสมที่สุด

สถานการณ์ที่ #4 – Board ที่มี Broadway 2 ใบ ที่เรา Out of Position

ตัวอย่าง : Co raise แล้วเรา 3-bet จาก SB flop ออกมา K♥ J♣ 2♠

board นี้เชื่อมกับ 3-bet range ของ SB ได้เป็นอย่างดี เราจะมี nut advantage จาก 2 pair, set, และ overpair ได้ รวมถึงมี top pair มากกว่า preflop caller ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีในการ c-bet ด้วยความถี่ 100%!

สถานการณ์ที่ #5 – Board ที่มีไพ่ใหญ่ 1 คู่ + 1 ใบ ที่เรา Out Of Position

ตัวอย่าง : BTN raise แล้วเรา 3-bet จาก SB flop ออกมา  A♥ K♣ K♠

board นี้ทำให้ 3-bettor จากตำแหน่งที่ out of position มี combo ของ trips มากกว่าคู่แข่ง และยังมี pocket pair ที่แข็งแกร่งกว่าเป็นจำนวนมาก

ด้วยเหตุนี้ การ c-bet ทั้ง range ด้วย bet ขนาดเล็กคือกลยุทธ์ที่เหมาะสมที่จะช่วยเพิ่ม equity advantage

สรุปเนื้อหา

ผ่านพ้นไปแล้วกับ 10 สถานการณ์ที่เราสามารถใช้ประโยชน์จาก range advantage ของเราได้ ซึ่งยังมีอีกหลายสถานการณ์ที่สามารถใช้ได้ พยายามค้นหาดูด้วยตัวเองจากการใช้ solver ในการศึกษาดู!

https://upswingpoker.com/when-to-c-bet-everything/