กลยุทธ์การเล่นช่วง Money Bubble : วิธีการเตรียมตัวเพื่อชัยชนะ

ทำยังไงไม่ให้แตกตอน bubble!

ยินดีด้วย! เราทำได้แล้ว!.

เราอดทนนั่งเล่นทัวร์นั้นมาทั้งวัน รอดกับระเบิดมาสารพัด หลบกับดักทั้งหลายมาได้ แต่สะสมชิพมาได้จำนวนหนึ่ง 

เหลือผู้เล่นอยู่ 100 คน และจะมีเพียง 99 คนที่จะได้ออกไปพร้อมเงินรางวัล เรา call คนเปิดด้วย 87s flop ออกมามี draw ที่ใหญ่มาก โดยเจอกับชิพลีดเดอร์ และตัดสินใจ call ไปทันที!…สรุป เราจบอันดับที่ 100

อุตส่าห์นั่งเล่นมาเป็นชั่วโมงๆ แต่เรากลับเดินจากไปด้วยการเป็น bubble boy (คนตกรอบคนสุดท้ายก่อนจะได้เงินรางวัล) พร้อมกับเงิน 0 ดอลลาร์ที่แสดงถึงความพยายามของเรา ยินดีกับอะไรเนี่ยะ?

ถ้านี่ไม่ใช้เกียรติยศและเงินรางวัลที่เรากำลังมองหาอยู่ เตรียมตัวไว้ให้พร้อม เพราะเรากำลังจะวางแผนเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ช่วง bubble ในทัวร์นาเมนต์ให้แตกต่างไปจากเดิม ซึ่งไม่เพียงแต่จะทำให้เราอยู่รอดช่วง bubble แต่ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการคว้าแชมป์ได้อีกด้วย

สำหรับผู้เล่นมือใหม่ ช่วง bubble คือช่วงเวลาที่น่าหวั่นใจที่สุด ถ้าเราไม่สามารถคว้าเงินรางวัลได้ เราจะไม่ได้อะไรกลับไปเลย แย่กว่านั้น คือบางครั้งเราอาจจะไปบอกเพื่อนที่ไม่เข้าใจโป๊กเกอร์ว่า พวกเขาจะไมได้อะไรกลับไป และมีแต่จะเป็นผู้แพ้เสมอ

แต่สำหรับผู้เล่นระดับโปร ช่วง bubble มักจะเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาใช้เป็นโอกาสในการก้าวไปสู่การคว้าชัยในทัวร์อยู่เสมอ ถ้าเราคิดว่าทัวร์นาเมนต์ตัดสินกันที่ final table แล้วล่ะก็ คิดผิดแล้ว แน่นอนว่าเราต้องเล่นให้ดีตอน final table ถึงจะมีโอกาสคว้าแชมป์ แต่เส้นทางการคว้าแชมป์มักจะต้องมีโครงร่างการวางแผนที่ดีตั้งแต่ช่วง bubble เลยทีเดียว

เพิ่มเติมว่า เราจะกำหนดว่าช่วง money bubble ช่วงแรกคือช่วงที่ผู้เล่นอยู่ระหว่างการไม่ได้เงินเลย หรือจะเข้าไปได้เงินระดับแรก ดังนั้น จำไว้ว่า จะมีช่วงเวลาที่เป็น “bubble” อยู่หลายช่วง ตลอดเส้นทางในทัวร์นาเมนต์ ซึ่งเราสามารถใช้กลยุทธ์เหล่านี้ในการจัดการกับผู้เล่นที่อ่อนกว่าได้เสมอ

โดยทั่วไปแล้ว ช่วงเวลาใดก็ตามที่มีระดับชั้นของความสำเร็จ ที่ผู้คนต้องการไขว้คว้า ซึ่งเป็นช่วงที่จะมีความกลัวว่าจะไม่สามารถคว้ามาได้ นั่นคือช่วงที่มี bubble เสมอ ตัวอย่างเช่น การเข้าสู่ day 2, การเข้า final table ที่ฉายทางทีวี หรือการที่มีเงินรางวัลก้าวกระโดดก้อนใหญ่ ทุกคนล้วนแต่ต้องการความสำเร็จเหล่านี้ และสิ่งที่จะได้รับจากก้าวสำคัญเพียงก้าวเดียว ก็สำคัญพอที่จะเปลี่ยนแปลงพลวัตรของการเล่นไปได้เลย

Short Stack ต้องเน้นรักษาชีวิต

ขนาดของ stack ที่แย่ที่สุดในช่วง bubble ก็คือ short stack แน่นอนว่าจริงๆถ้าเป็น short stack ตอนไหนก็แย่ทั้งนั้น แต่ช่วง bubble คือช่วงเวลาที่น่าหงุดหงิดที่สุด

short stack bubble strategy, jc tran at wsop

JC Tran ตอนมี short stack (ภาพโดย Matt Waldron, CC 2.0)

เราจะมีชิพไม่พอที่จะหาความได้เปรียบหรือ exploit ใครได้เลย และทุกคนที่เหลือบนโต๊ะจะแช่งให้เราตกรอบ มันจึงไม่ใช่สถานการณ์ที่ดีนัก แต่เราจะพบว่าตัวเองจะอยู่ในสถานการณ์ที่สำคัญที่สุดที่จะต้องเล่นให้เหมาะสมที่สุด

กฎข้อแรก เล่นให้สมดุลระหว่าง มีความอดทน แต่ต้องไม่เกรงกลัว Easier said than done of course แน่นอนว่าพูดมันง่ายกว่าลงมือทำ แต่มันคือหัวใจของการอยู่รอดและการเอาชนะในทัวร์นาเมนต์ตอน bubble เพื่อให้เข้าใจได้ดีขึ้น เราต้องเข้าใจในประโยคที่ว่า การได้เงินรางวัล ไม่ใช่แค่เป้าหมายเดียวของเรา

ผมไม่ได้จะบอกว่า อย่าเล่นเพื่อเงินรางวัล อันนั้นก็เพี้ยนไปละ ที่ผมจะบอกก็คือ การตัดสินใจของเราในช่วง bubble ควรจะมีเป้าหมายอยู่ที่การคว้าแชมป์ ถ้าเราตั้งเป้าแค่อยากจะได้เงินรางวัล เราจะพบว่าตัวเอง ตั้งเป้าเรื่องเงินรางวัลขั้นต่ำไว้มากเกินไป แม้อาจจะทำให้รู้สึกดี แต่ส่งผลกระทบด้านลบอย่างมหาศาลกับการตัดสินใจครั้งสำคัญ

ถ้าเราแพ้ช่วง bubble มันอาจจะทำให้เรามีเหลือชิพน้อยลง เหลือ stack น้อยที่จะปีนกลับขึ้นไปเพื่อให้เล่นต่อยาวๆในทัวร์ได้ ซึ่งผมเข้าใจว่าคนส่วนใหญ่เข้าใจหลักคิดนี้ดี แต่ปัญหาก็คือ หลานคนที่อ้างว่าไม่กลัวช่วง bubble ไม่ได้มีการเล่นในช่วง bubble ที่เหมาะสมมากพอ ที่จะกลัวว่าจะตกรอบไปโดยไม่ได้อะไรเลย

มันเป็นเรื่องที่เราจัดการกับเกมในเชิงของอารมณ์ที่ค่อนข้างชัดเจน เราไม่อยากรู้สึกว่าเป็นคนขี้แพ้ เราไม่อยากบอกเพื่อว่าเราไม่ได้อะไรเลย ซึ่งมันก็มีเหตุผลและเป็นปฏิกิริยาตอบโต้เรื่องความกดดันที่มีสาเหตุจากช่วง bubble ที่เข้าใจได้ 

แต่เราต้องมองให้ลึกๆแต่ถามตัวเองดูว่า การติดอันดับเงินรางวัลบ่อย มันคุ้มกับการยอมเสีย equity ที่ดีจริงๆหรือไม่?

แล้วเราจะปรับการเล่นเมื่อเป็น short stack ในช่วง bubble ยังไงดี? ลองคิดดูว่า ถ้าเรามีโอกาสจะ double up ในสถาณการณ์ที่เข้าทาง เราก็ต้องคว้าเอาไว้

โดยปกติจะมีอยู่ 2 ทางที่คนส่วนใหญ่มักจะยอมเสีย equity ไปตอน bubble :

  • fold มันทุกอย่าง. ผู้เล่นบางคนคลิก fold อัตโนมัติค้างไว้เลยตอน bubble โดย fold ทุกอย่างแม้แต่ KK ในตำแหน่งแรกๆ จนถึง AK ที่ BTN นี่คือความผิดพลาดอย่างชัดเจน และการ fold คู่ใหญ่ๆตอน bubble คือย่างก้าวสู่ความขาดสติอย่างมาก
  • เล่นแบบ passive สุดๆ จริงๆอาจจะกลายเป็นความผิดพลาดอย่างมโหฬารมากกว่าด้วยซ้ำ ตัวอย่างขั้นสุดก็เช่น limp กับ hand อย่าง KK ตอน bubble ทั้งๆที่เราสามารถ shove ได้ แต่ทำแบบนั้นเพราะก็ว่าถ้า flop มาไม่มี A แล้วจะกิน pot ได้ปลอดภัยกว่า ซึ่งหลายต่อหลายครั้ง การเล่นแบบนี้เปิดโอกาสเราโดน bluff ได้ง่ายมากๆถ้ามี A ที่ flop และมันยังเป็นการเชื้อเชิญให้ผู้เล่นคนอื่นเอา hand ที่ไม่แข็งเข้ามาเล่นได้มากขึ้น เราจึงต้องเล่นกับ hand ใหญ่ๆให้ถูกต้อง โดยไม่เล่นแบบ passive สุดๆ เพราะคิดว่าจะ “เพลย์เซฟ” อย่างเดียว

อาจจะมีเพียงบางครั้งที่เราจะสามารถหลอกล่อโดยการเล่นแบบ passive เพื่อเป็นการวางกับดัก แต่นั่นก็เป็นวิธีเล่นในประเด็นนั้น (ที่ไม่เกี่ยวกับประเด็นนี้)

แต่ในด้านตรงข้าม เราก็ต้องพยายามเล่นอย่างอดทน อย่า all-in เพียงเพราะเรากลัว หรืออยากจะ double-up แค่นั้น อย่าบีบบังคับตัวเองเพียงเพราะเราได้ยินมาว่าผู้เล่นเก่งๆจะเล่นแบบ aggressive ตอน bubble แม้การเล่นแบบนั้นอาจจะทำให้เราดูเจ๋งในสายตาของผู้เล่น 8-9 คนที่เหลือบนโต๊ะ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เป็นการเล่นที่คุ้มค่าเลย

Medium Stack เล่นแบบเลือกแนวทางการเล่นได้

Medium stack จะอยู่ในสถานการณ์ที่น่าสนใจในช่วง bubble จะมีแอ็คชั่นที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง 2 แนวทาง ที่เราสามารถเลือกใช้ได้ ตามจังหวะเวลาที่เหมาะสม

madium stacks have two paths

เส้นทางที่เหมาะสมที่สุด ขึ้นอยู่กับผู้เล่นคนอื่นๆบนโต๊ะ

แอ็คชั่นที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับ ผู้เล่นคนอื่นๆบนโต๊ะ และ แนวทางการเล่นของพวกเขาในช่วง bubble

ถ้าโต๊ะของเรา เต็มไปด้วยผู้เล่นที่หวาดกลัวในช่วง bubble และ/หรือ big stack ที่เล่นแค่พยายามรักษาชิพให้ in the money นั่นคือจังหวะที่เหมาะสมในการเล่นแบบ aggressive

คนลักษณะแบบนี้หาเจอได้ไม่ยาก พวกเขามักจะ fold hand ส่วนใหญ่อย่างรวดเร็ว หรือคอยมองนาฬิกาและจำนวนผู้เล่นที่เหลือบนโต๊ะหรือคนที่ all-in บนโต๊ะอื่น ส่วนใหญ่ผมจะเปิดด้วย preflop range ที่กว้างขึ้นมากๆ และพยายามกดดันคนที่มี stack เล็กและปานกลาง แต่หลีกเลี่ยงการพยายามขโมย blind จาก big stack เพราะพวกเขามีแนวโน้มจะเล่นด้วยมากกว่า แต่ในบางสถานการณ์ พวกเขาก็เป็นผู้เล่นที่ tight ที่สุดบนโลกนี้ในช่วง bubble ได้เหมือนกัน

เพิ่มเติมว่า ต่อให้เรารู้สึกกลัวที่จะเล่นในช่วง bubble ก็อย่าแสดงออกเหมือนกับผู้เล่นพวกนั้นที่ผมเพิ่มอธิบายไป ไม่งั้นเราจะกลายเป็นเป้าหมายของผู้เล่นเก่งๆที่คอยสังเกตคนอื่นอยู่เช่นกัน ถ้าผมเห็นคุณเริ่มนับจำนวนผู้เล่นบนโต๊ะ ผมจะ raise เพื่อขโมย blind จากคุณทุกครั้งแน่

จำไว้ว่า ถ้าผู้เล่นที่ tight เหล่านี้เริ่มเล่นเมื่อไหร่ พวกเขามักจะมี hand ที่ strong กว่าที่เล่นเวลาปกติ อย่าเล่นพิเรนทร์ๆกับคนพวกนี้แล้วกลายเป็นคน short stack ซะเอง แค่เพราะเราเป็น medium stack ไม่ได้แปลว่าเราได้เงินรางวัลแน่นอนแล้ว เช่นเดียวกับการเป็น big stack เหมือนกัน ถ้าเราเริ่มคิดถึงเรื่องเงินรางวัลก่อนจะได้เงินจริงๆ เราจะเริ่มเล่นผิดๆ และจะเล่นเพื่อรักษาอะไรที่เราคิดว่าเป็นของเราโดยชอบธรรมแล้ว (แต่จริงๆยังไม่ใช่)

พยายามเตรียมตัวเล่นเพื่อให้เข้ารอบได้ลึกๆ ไม่ใช่เล่นเพียงแค่ให้ได้เงินรางวัล ผมรู้ว่าเนื้อหาในบทความนี้ส่วนใหญ่สอนเหมือนใช้แต่ทฤษฎี แต่ในความเป็นจริง มันคือเรื่องที่จำเป็นถ้าเราจะเล่นช่วง bubble ให้ประสบความสำเร็จ ในช่วงเวลา bubble หลายๆครั้งก็เหมือนกับการเล่นโป๊กเกอร์ในหลายๆระดับที่แตกต่างกัน แปลว่า เราต้อง มีวิธีเล่น, วิธีประเมิน และวิธีการปรับตัวที่เหมาะสม ถ้าเราปล่อยให้ความกลัว ความบันเทิง หรืออีโก้ส่วนตัวครอบงำการตัดสินใจ เราก็จะก่อความผิดพลาดที่จะกระทบกับฐานการเล่นที่สำคัญของเราในท้ายที่สุด

ในทางตรงกันข้าม ถ้าโต๊ะของเราเต็มไปด้วยโปรที่เล่นแบบ aggressive และบ้าคลั่ง เราก็ควรที่จะเล่นให้ tight ขึ้นเล็กน้อย อย่างน้อยก็กับ open range ของเรา เพราะมีโอกาสจะโดน 3-bet preflop รวมถึงการเล่นที่ aggressive และสถานการณ์ที่ยากๆบ่อยขึ้น ถ้าเราต้อง shove ด้วย stack ทั้งหมด เราอาจจะเปิดด้วย range ที่กว้างขึ้นเล็กน้อย เพราะผู้เล่นส่วนใหญ่มักจะเปิดด้วย hand ที่ไม่ใหญ่มากนัก เราอาจจะเล่น aggressive ได้บ้าง แต่มันจะกลายเป็นการท้าทายด้วยการเอาคืน ซึ่งตรงข้ามกับการส่งเสริมให้เขาเล่นแบบนั้น ถ้าเราชอบเล่นในสถานการณ์บ้าๆที่ยาก ซึ่งจะไปยกระดับการต่อสู้ แต่โดยทั่วไปแล้ว พยายามเล่นให้เบาไว้จะดีกว่า

Big Stack เล่นแบบเป็นราชาของปราสาท

big stack คือคนที่จะเล่นได้อย่างสบายที่สุดในช่วง bubble ของทัวร์นาเมนต์ โดยเฉพาะ ทัวร์ที่เป็นแบบ satellite big stack มีตั้งเครื่องมือและโอกาสที่จะเตรียมรบ และความสามารถที่จะสร้างแรงกดดันให้กับทุกคนบนโต๊ะได้ นี่คือโอกาสของเราที่จะ ใช้ความกลัวที่จะตกรอบในทัวร์นาเมนต์ของทุกคนให้เป็นประโยชน์ จงใช้โอกาสในช่วง bubble gainกินชิพให้เพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มโอกาสคว้าแชมป์กลับบ้านให้มากที่สุด

jc tran on a big stack bubble

โอ้! ดูเหมือนว่า JC จะเล่นอะไรมาบางอย่าง ระหว่าง 10 ย่อหน้าที่ผ่านมา (ภาพโดย Matt Waldron, CC 2.0)

เมื่อเราเป็น big stack stack เราจะ cover ทุกคน แปลว่า ใครก็ตามที่เข้ามาเล่นกับเรามีความเสี่ยงที่จะตกรอบทัวร์ได้ทุกคน เรามีความสามารถที่จะฆ่าเขาได้ ขณะคนอื่นทำได้แค่ให้เราบาดเจ็บเล็กน้อย

เราจะใช้ประโยชน์จากการเป็น big stack ในช่วง bubble ได้ยังไง? ให้ใช้แนวทางเริ่มต้นแบบเดียวกับ medium stack โดยการประเมินวิธีเล่นของทุกๆคนบนโต๊ะ

มองหาผู้เล่นที่ tight และ short stack ที่กำลังหวาดกลัว และจัดการพวกเขาซะ หมั่นขโมย blind เป็นระยะด้วย range ที่กว้างและหลากหลาย จะมีบางสถานการณ์ที่ผู้เล่น tight มากๆจนไม่สำคัญว่าเราจะถือไพ่อะไร เขาพร้อมที่จะ fold ก่อนเราจะ raise ซะอีก

มีหลายสถานการณ์มากๆที่การเล่นด้วยไพ่อะไรก็ได้ คือการเล่นที่ถูกต้อง โดยส่วนใหญ่แล้วคือตอนเราอยู่ตำแหน่ง CO หรือ BTN และผู้เล่นที่เหลือทุกคนเป็นพวก tight หรือ short stack

ถ้าเรารู้สึกแปลกกับการที่ต้องเอาไพ่ขยะมา raise ในสถานการณ์แบบนี้ ลองพยายามแกล้งคิดว่ามันเป็นไพ่อื่นดู ทำเหมือนกับว่าเรามองไม่เห็นว่ามันคือไพ่อะไร แต่ถ้าโดน call ก็เหลือบมองสักนิดว่าเป็นไพ่อะไรก่อนจะเล่นที่ flop 

ข้อสำคัญของประเด็นล่าสุดนี้ ใช่แล้ว ผมจะบอกว่าให้หยุดเล่นแบบ aggressive แม้ว่าในบางสถานการณ์เราจะเปิดกับไพ่อะไรก็ได้ แต่!! อย่าเล่นบ้าเลือดจนต้องเสียชิพเป็นจำนวนมาก อย่าลืมว่ามันเป็นแค่การ bluff กับทุก hand ในช่วง bubble แค่นั้น

เพราะบางคนเล่นไพ่ 2 ใบนั้น และคือ 2 ใบที่พวกเขาไม่ยอม fold จงอย่าขาดสติ และเล่นจนเสียชิพจนตกรอบตอน bubble  

ขณะเดียวกัน ก็อย่าผวาเหมือนโดนงูฉก ผมเห็นผู้เล่นหลายคนเริ่มเล่นได้อย่างแข็งแกร่งตอน bubble แต่กลับเสียความมั่นใจ เพียงแค่แพ้ hand ใหญ่ไป hand หนึ่ง แชมป์เปี้ยนที่แท้จริงจะแย๊บกลับคู่แข่งตอน bubble และสามารถกลับมานำได้เมื่ออันตรายผ่านพ้นไป

ภาพใหญ่ของการเล่นช่วง bubble

ภาพใหญ่ของการเล่นช่วง bubble ก็คือ คนส่วนใหญ่จะเริ่มรู้สึกหวาดกลัวตอน bubble เพราะพวกเขาไม่เข้าใจเป้าหมายหลักของการเล่น โป๊กเกอร์ทัวร์นาเมนต์ ว่าไม่ใช่การขอแค่ได้เงินรางวัล แต่คือต้องจัดการตัวเองให้มีโอกาสเป็นแชมป์ แม้มันจะทำให้โอกาสได้เงินรางวัลขั้นต่ำ ลดลงไป ความกลัวนี้จะถูก exploit ได้ง่ายๆ จากผู้เล่นที่คอยสังเกต และฉวยโอกาสทำให้ stack ของตัวเองขึ้นไปอยู่ในอันดับที่มีโอกาสชนะทัวร์นาเมนต์ได้สูงขึ้น

เราต้องเป็นผู้เล่นคนนั้นที่คอยสังเกตคนอื่น ที่สามารถสร้างสมดุลระหว่าง ความกล้า กับความอดทนได้ดี และประเมินได้ว่าผู้เล่นแต่ละคนบนโต๊ะมีแนวทางการเล่นอย่างไรในช่วง bubble และปรับตัวให้เข้ากับแนวทางนั้นได้ดี การเล่นช่วง bubble ไม่ใช่การเล่นด้วยความเร็วระดับเดียวแล้วยึดติดกับมัน แต่เป็นการประเมินทุกๆ hand และตัดสินใจปรับการเล่นได้อย่างเหมาะสมต่างหาก

ถ้าเรายังติดขัดอยู่กับภาวะทางความรู้สึกในช่วง bubble ผมแนะนำให้ไปไล่อ่านบทความนี้อีกครั้ง และใช้คำพูดปลุกใจของพวกโค้ชฟุตบอลมัธยม ที่ช่วยสร้างแรงจูงใจให้เรา และจดมันลงบนกระดาษไว้ใช้ตอนเราเล่น อ่านมันก่อนจะเล่นทัวร์นาเมนต์ และอ่านอีกทีตอนเริ่มเข้าสู่ช่วง bubble เพื่อปรับจิตใจให้สดใส จะช่วยได้อย่างมาก 

https://upswingpoker.com/money-bubble-strategy/