pot odds เป็นเทคนิคและทักษะที่เราควรทำการเรียนรู้เป็นอย่างยิ่ง เพราะเมื่อเราเข้าใจ pot odds ได้อย่างลึกซึ้งแล้ว เจ้าเทคนิคนี้จะสามารถกำหนดความพ่ายแพ้และชัยชนะให้กับเราได้เลยทีเดียว
วันนี้เราจะมาอธิบายกันว่า pot odds เนี่ยจริงๆมันคืออะไรกันแน่ และมันเอาไปใช้ในเกมได้ยังไง ง่ายขนาดที่ว่าอ่านแปปเดียวก็เข้าใจตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว และเมื่อได้ลองนำไปใช้คุณจะพบว่าคถณประหยัดเงินไปได้เยอะเลยทีเดียวและเผลอๆคุณยังชนะในเกมนั้นๆอีก
Pot odds คืออะไร?
Pot odds คือ การใช้ความน่าจะเป็นที่ไพ่ของเราจะชนะมากน้อยแค่ไหน เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจว่าเราจะหมอบ, call, หรือ re-raise ดี พูดง่ายๆก็คือ ถ้าเรากำลังจะรอ flush หรือ straight อยู่ เราจะสามารถรู้ได้เลยว่ามูลค่าการเดิมพันแบบนี้ เราจะตัดสินใจเลือกแอคชั่นใดถึงจะเหมาะสมที่สุด ซึ่งมันง่ายมากและมีประโยชน์มากๆเช่นกัน
แล้ว pot odds ใช้ยังไง?
การใช้ pot odds หลักๆแล้วมีด้วยกัน 2 แบบ ดังนี้
1.Ratio method (การใช้อัตราส่วนมาเทียบกัน)
2.Percentage method (การใช้เปอร์เซ็นต์มาเทียบ)
จริงๆแล้วทั้ง2แบบให้ผลลัพธ์ที่เหมือนกันขึ้นอยู่กับว่าเราถนัดแบบไหนมากกว่า โดยผู้เล่นส่วนมากนิยมใช้แบบอัตราส่วนในการหา pot odds แต่เราว่าการใช้เปอร์เซ็นต์มาคำนวณมันง่ายกว่านิดหน่อยสำหรับการลองคิดครั้งแรก
1.Ratio Method (การใช้อัตราส่วนมาเทียบกัน)
วิธีนี้เป็นวิธีที่ค่อนข้างฮิตใช้ทั้งนั้นการเขียนบทความหรือหนังสือโป๊กเกอร์ต่างๆ ลองมาดูตัวอย่างกัน
เราถือ

Flop

สมมุติว่าในกรณีนี้เหลือผู้เล่นอยู่2 คน เรากำลังดวลตัวต่อตัวกับผู้เล่นอีกคนนึง Pot ตรงกลางมี $80 คู่ต่อสู้ของคุณ bet มา $20 คุณจะทำยังไง? ลองมาดูวิธีคิดไปพร้อมๆกัน
1.1 หาไพ่ที่จะทำให้เราชนะ
ตอนนี้เรากำลังรอ flush อยู่เพื่อที่จะทำให้เรามีไพ่ที่ดีที่สุด อย่างแรกเลยเราต้องรู้ก่อนว่ามันมีความน่าจะเป็นเท่าไหร่ ที่ไพ่หัวใจในกองจะออกที่รอบ turn จริงๆแล้วมันมีหลายวิธีนะ แต่ที่นิยมกันมากๆเลยคือการเทียบอัตราส่วน
- ตอนนี้เรามี card 5 ใบ ซึ่งคือ 2 ใบบนมือเรา และ 3 ใบบน flop
- เหลือไพ่ในกองอีก 47 ใบ ( ไพ่หนึ่งสำหรับมี 52ใบ –5ใบที่โชว์มาแล้ว)
- จากไพ่ 47 ใบ มีไพ่หัวใจเหลืออีก 9 ใบ และที่ไม่ใช่ไพ่หัวใจอีก 38 ใบ
- ถ้าเราเอามาเทียบอัตราส่วนก็จะได้ 38:9 ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 4:1
1.2 เอามาเทียบกับ pot odds
ตอนนี้เรารู้แล้วว่าโอกาสที่จะติด Flush เนี่ยอยู่ที่ประมาณ 4:1 ซึ่งหมายถึงว่า ทุกๆ 4 ครั้งมันมักจะติดประมาณ 1 ครั้ง ต่อไปเราก็เอาไอ้อัตราส่วนตรงนี้มาเปรียบเทียบกับอัตราเงินที่ เขาเดิมพันมา
- คู่ต่อสู้ของเราเดิมพันมา $20 และใน pot มีอยู่แล้ว $80 ซึ่งจะทำให้ pot ตรงกลางมีมูลค่ารวมเป็น $100
- หมายความว่าตอนนี้คุณต้อง call $20 เพื่อที่จะชนะ $100
- อัตราส่วน pot odds ก็คือ 100:20 หรือประมาณ 5:1
แล้ววววว
Card odds หรือ โอกาสที่ไพ่จะติด อยู่ที่ 4:1
Pot odds หรือ เงินที่เราจะต้องจ่าย อยู่ที่ 5:1
ตรงนี้ถ้าเรา call ไป เราจะจ่ายเงินเดิมพันน้อยกว่าราคาที่ควรจะจ่ายจริงอยู่ หมายความว่าถ้าตัวเลขของ pot odds มากกว่า card odds เราสามารถ call ไปได้เพราะเงินเดิมพันที่เราต้องจ่ายเมื่อเทียบกับความน่าจะเป็นที่เราจะติด flush หรือ straight นั้นโอเค ในตัวอย่างเหมือนเราจ่าย 1 ได้ 5 ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้วเราควรจะได้แค่ 4 ซึ่งมันคุ้มค่ามากๆกับการ call ในจังหวะนี้
*อย่าลืม เราควรจะ call ก็ต่อเมื่อ pot odds นั้นมากกว่า card odds ถึงจะคุ้ม *
ในช่วงแรกๆอาจต้องใช้เวลานิดนึงในการคำนวณ แต่เมื่อได้ลองทำบ่อยๆนานวันเข้าก็จะเริ่มชิน และคำนวณได้รวดเร็วขึ้น ผู้เล่นบางคนสามารถจำค่าตัวเลขต่างๆได้โดยที่ไม่ต้องคำนวณเลยก็มี
2. Percentage Method (การใช้เปอร์เซ็นต์มาเทียบ)
วิธีที่แสนจะคลาสสิกสุดๆ และง่ายมากๆในการเรียนรู้ แต่น่าเสียดายที่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากเท่าไหร่นัก
เรามี

Flop

ครั้งนี้คู่ต่อสู้เดิมพันมา $30 ในpot $60 ซึ่งจะทำให้ pot มีมูลค่าเป็น $90 ซึ่งเราอยากจะรู้ว่ากรณีนี้เราสามารถ call ได้รึเปล่า เราจะเริ่มจาก
2.1 หา card equity หรือ เปอร์เซ็นต์ไพ่ที่เปิดมาแล้วทำให้เราชนะ ( เหมือน card odds แต่อยู่ในรูปแบบเปอร์เซ็นต์)
ตอนนี้เรากำลังรอ straight อยู่เพื่อที่จะทำให้เรามีไพ่ที่ดีที่สุด อย่างแรกเลยเราต้องรู้ก่อนว่ามันมีความน่าจะเป็นเท่าไหร่ ที่ไพ่ 5 หรือ 9 จะออกที่รอบ turn
- จากไพ่ทั้งหมดจะมี 5 อยู่อีก 4 ใบ และ 9 อยู่อีก 4 ใบ
- ทำให้ไพ่ที่จะทำให้เราติด straight ทั้งหมด 8 ใบ
- นำมาหาเปอร์เซ็นต์อย่างง่าย ด้วยการนำจำนวนไพ่ที่จะทำให้เราชนะ คูณ2 และบวกอีก 1
- card equity เท่ากับ (8 x 2 ) + 1 = 17%
2.2 เราเอาตัวเลขมาเปรียบเทียบกัน
ตอนนี้เราก็รู้แล้วว่า card equity ที่จะทำให้เราติด straight มีทั้งหมด 17% ต่อไปเราก็เอาไอเปอร์เซ็นต์ตรงนี้มาเปรียบเทียบกับเปอร์เซ็นต์เงินที่เขาเดิมพันมา
- คู่ต่อสู้ของเราเดิมพันมา $30 และใน pot มีอยู่แล้ว $60 ซึ่งจะทำให้ pot ตรงกลางมีมูลค่ารวมเป็น $90
- ถ้าเราจะ call ต้องลงเดิมพันอีก $30 และจะทำให้ pot มีมูลค่ารวม $120
- อัตราส่วน pot odds ก็คือ 30/120 หรือ 25% นั่นเอง
ซึ่งการคำนวณแบบเปอร์เซ็นต์จะต่างจากอัตราส่วนอยู่นิดนึง ในส่วนของจำนวนเงินที่นำมาคำนวณ เพราะการคำนวณแบบเปอร์เซ็นต์เราจะต้องนำเงินที่เราจะต้องลงเดิมพันเข้าไปคำนวณด้วย ซึ่งแบบอัตราส่วนเราไม่ต้องเอาเงินตรงนั้นไปรวม
ดังนั้น
Card equity หรือโอกาสที่จะติด straight อยู่ที่ 17%
Pot odds หรือ เงินที่เราจะต้องจ่าย อยู่ที่ 25%
ตัวเลขที่ออกมาทำให้เรารู้เลยว่าในกรณีนี้เรา call ไปแล้วไม่คุ้มค่า เพราะเงินที่เราจ่ายไปนั้นมากกว่าเปอร์เซ็นต์ที่จะทำให้ไพ่เราติด เราควรจะหมอบ
*อย่าลืม เราควรจะ call เมื่อ เปอร์เซ็นต์ของเงินที่เราต้องจ่ายไปน้อยกว่าเปอร์เซ็นต์ที่ไพ่จะมีโอกาสติด*
ฮั่นแน่! สำหรับมือเก่ามือเก๋าที่กำลังจะบอกว่าทำไมคิดไพ่แค่ใบเดียว ทั้งๆที่มีทั้ง turn และ river ตรงนี้แหละเป็นสิ่งที่ผู้เล่นจำนวนมากกำลังเข้าใจผิดกันอยู่
คำตอบคือ เมื่อเรากำลังคำนวณ pot odds เนี่ย เรากำลังคำนวณความน่าจะเป็นกับเงินเดิมพันในขณะนั้นอยู่ ว่ามันคุ้มค่าหรือไม่ แต่ถ้าเราคำนวณทั้งไพ่ที่จะออกรอบ turn รวมไปถึงรอบ river ด้วย มันจะมีจำนวนเงินเดิมพันในรอบ river เข้ามาเกี่ยวข้องอีก ซึ่งตอนที่เราคำนวณตอนแรกนั้นเรายังไม่ทราบข้อมูลการเดิมพันดังกล่าวเลย ทำให้การคำนวณนั้นอาจจะผิดพลาดไป
เพราะฉะนั้นตัวเลขที่เราคูณ 2 เพื่อดูไพ่ 1 ใบในรอบ turn และคูณ 4 เพื่อดูไพ่ 2 ในรอบ turn และ river มันใช้ไม่ได้เสมอไป แต่ในกรณีที่คู่ต่อสู้ all in มาตั้งแต่รอบ flop และเราอยากรู้ว่าถ้าเรา call ไปแล้วจะคุ้มค่ามั้ย เราสามารถเปลี่ยนจากคูณ 2 ไปเป็นคูณ 4 ได้เลย เพราะมันไม่มีเงินที่จะต้องลงเดิมพันเพิ่มแล้วหลังจากการตัดสินใจครั้งนั้น
จากการสัมผัสครั้งแรกอาจจะทำให้รู้สึกว่า pot odds เป็นเรื่องที่ยาก แต่เทคนิคนี้เป็นเทคนิคขั้นพื้นฐานสำหรับผู้เล่นโป๊กเกอร์เลยทีเดียว ในระยะยาวแล้วถ้าคุณวางพื้นฐานการตัดสินใจเวลาที่รอ flush หรือ straight ด้วย pot odds แล้วละก็ ยังไงคุณก็จะชนะในเกมนั้น
นอกจากจะสามารถช่วยในการตัดสินใจว่าจะ call หรือไม่นั้น pot odds ยังช่วยในการหาจำนวนเงินที่จะเดิมพันเพื่อจะป้องกันไพ่ในมือของคุณอีกด้วย ถ้าคุณรู้สึกว่าไพ่ของคุณตอนนี้ถือว่าดีมาก และคู่ต่อสู้ของคุณกำลังรอ flush อยู่ ก็ให้ลองคำนวณย้อนกลับไปดูว่าเงินเดิมพันเท่าไหร่ที่จะทำให้คู่ต่อสู้ของเรารู้สึกว่าไม่คุ้มค่าแก่การ call มา แต่ถ้าเขา call มาแล้วทำให้เราแพ้และเสียเงินเดิมพันไป ก็อย่าเศร้าเสียใจไปนะ ตอนนั้นถือว่าเราตัดสินใจดีแล้ว แต่การเล่นโป๊กเกอร์อาจจะทำให้เราเจอ bad beat บ้าง แต่ในระยะยาวแล้วยังไงก็เป็นผลดีต่อตัวคุณ
Source : http://www.thepokerbank.com/strategy/mathematics/pot-odds/