ICM ที่ Final Table สำคัญอย่างไร

ไม่มีใครอยากเป็นคนที่ทำลายโอกาสอันยิ่งใหญ่เพียงเพราะการตัดสินใจเดียวที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ final table 

เพราะเงินรางวัลที่ final table นั้นสูงขึ้นมากๆ ทำให้การตัดสินใจที่ spot นี้จะส่งผลต่อ ROI อย่างมาก

หนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ final table คือ ICM หรือ Independent Chip Model  ถ้าคุณอยากจะรู้ว่า ICM มีผลต่อการเล่นช่วง final ของ tournament ยังไง  เราจะมาทำความเข้าใจกันในบทความนี้

1) ICM คืออะไร?
2) ChipEV vs $EV
3) ICM มีผลต่อการเล่นที่ final table ด้วย stack size ที่ต่างกันยังไงบ้าง
4) ตัวอย่างที่ 1: ผลกระทบของ ICM ต่อ Open-Shoving Range
5) ตัวอย่างที่ 2: ผลกระทบของ Calling Range vs Shove

ICM คืออะไร?

ICM คือสิ่งที่ใช้บอกมูลค่าของ chip stack เมื่อเทียบเป็นเงินจริง  ใน cash game มูลค่าชิพจะเทียบเป็น 1-ต่อ-1 แต่สูตรการเทียบมูลค่าชิพใน tournament จะค่อนข้างซับซ้อนกว่า  ซึ่งจริงๆแล้วจะต้องใช้ software ในการคำนวณ ICM อย่างแม่นยำ 

ICM สามารถใช้กับทุกช่วงของ tournament เพื่อตัดสินใจว่าควรจะ push…fold หรือ call  แต่โดยมากจะใช้กันที่ final table เพราะเงินรางวัลที่สูงขึ้นมากในช่วง final ของ tournament

วิธีคำนวณ ICM?

ICM คำนวณได้จาก stack size ทั้งหมดของทุกคนที่ final table และเทียบกับเงินรางวัลที่เหลือ  เราจะได้มูลค่าจริงของทุก stack

เป็นคณิตศาสตร์ที่ค่อนข้างจะซับซ้อนและแทบไม่มีใครสามารถคำนวณมันได้ง่ายๆที่โต๊ะ  ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้โปรแกรมที่ช่วยคำนวณ ICM เวลาที่อยู่นอกเกม (เช่น ICMizer)

chipEV vs $EV

เราควรทำความเข้าใจกับสองสิ่งนี้ก่อนที่จะไปต่อ

chipEV 

chipEV คือคำย่อของ expected value in chips  ซึ่งหมายถึงจำนวนของชิพใน tournament ทั้งหมดที่การเล่นนั้นจะทำกำไรหรือขาดทุนได้ในระยะยาว  ผลคำนวณของ chipEV จะเป็นหน่วย big blind

$EV

$EV คือคำย่อของ expected value in real dollars  ซึ่งหมายถึงจำนวนเงินที่การเล่นนั้นจะสามารถทำกำไรหรือขาดทุนได้ในระยะยาว  ผลคำนวณของ $EV จะเป็นหน่วยดอลลาร์ ยูโร หรือสกุลเงินอื่นๆที่เล่นกัน 

ใน tournament โดยเฉพาะที่ final table ผู้เล่นบางคนสามารถมี +chipEV ในขณะที่ -$EV ด้วย  หรือพูดอีกอย่างก็คือ เป็นการเล่นที่สามารถทำกำไรจากชิพแต่จะเสียเงินจริงในระยะยาว  ควรหลีกเลี่ยงการเล่นนี้เพราะเป้าหมายในการเล่น tournament ของเราคือการทำกำไรจากเงินจริง ไม่ใช่ชิพปลอมๆ 

ICM มีผลต่อการเล่นที่ final table ด้วย stack size ที่ต่างกันยังไงบ้าง

มีสถานการณ์ 3 รูปแบบที่เกิดขึ้นได้ตาม stack size 

The Big Stack 

ด้วย stack ขนาดใหญ่ เราสามารถใช้ชิพเหล่านี้กดดันพวก short-stack ที่กำลังพยายามจะอยู่รอด   และยังสามารถใช้พลังของชิพกับพวก good player ที่ถูกบังคับให้เล่น tight ขึ้นด้วย ICM

ถ้าเราโชคดีพอและได้อยู่ในสถานการณ์นี้ เราสามารถจะ open…3-bet และ shove range ได้กว้างขึ้น  เพื่อกดดันให้พวก middle stack หมอบ bottom/bottom-middle range ไปได้

The Medium Stack

การเป็น medium stack มันแย่  ถึงแม้ Upswing จะแนะนำให้เล่น aggressive ที่ final table แต่เราจะไม่มีทางเลือกมากนักด้วย middle stack 

มันคือหายนะสำหรับ middle stack ที่จะหมดก่อนพวก short stack  เพราะนั่นหมายถึงเราเสียโอกาสที่จะได้เงินรางวัลมากขึ้นอีกเท่าตัว (หรือ 2 หรือ 3 เท่า)  ดังนั้นเราจึงต้องเล่นให้ tight มากๆและเล่นอย่างตรงไปตรงมา

Medium stack จะเป็นพวกที่เสียหายได้มากที่สุดที่ final table  ถ้าพวกเขากำลังอยู่ที่ 4th/9 หรือ 5th/9 แต่กลับหมดก่อนพวก short stack นั่นเท่ากับเป็นการเสียเงินจริงไปจำนวนมาก

The Short Stack

Short stack จะถูกกดดันจาก ICM น้อยที่สุด เพราะสูญเสียได้น้อยที่สุด  ยังไงเราก็จะต้องหมดในไม่ช้าอยู่แล้ว ดังนั้นควรจะเล่นค่อนข้าง aggressive เพื่อพยายามให้ stack เพิ่มขึ้น

ถ้าอยู่ในสถานการณ์นี้ เราสามารถจะ shove ด้วยทุก hand ที่มี +chipEV  และกับ marginal hand บ้างในบาง spot 

ตัวอย่างที่ 1: ผลกระทบของ ICM ต่อ Open-Shoving Range

ลองมาเปรียบเทียบ big blind shoving range 2แบบ จาก middle position  แบบนึงเป็นการคำนวณ chipEV เท่านั้นโดยไม่มี ICM  และอีกแบบเป็นการคำนวณ $EV ด้วย ICM ที่ Sunday Million final table

ตามที่ได้เห็นจาก ICMizer  15bb shove range สำหรับ middle position จะค่อนข้าง tight ขึ้นเมื่อมี ICM เข้ามาเกี่ยวข้อง  ตัวอย่างเช่น A8/A7/A5 ค่อนข้างเป็น shoving hand ที่ทำกำไรได้ใน chipEV  แต่จริงๆแล้วมันขาดทุนในการคำนวณ ICM

การคำนวณ ICM มีตัวแปรหลายอย่างทำให้ไม่สามารถคำนวณได้ที่โต๊ะ  การใช้เวลาศึกษานอกเกมด้วยโปรแกรมอย่าง ICMizer จะช่วยให้เราได้ไอเดียในการปรับการเล่น และทำให้พัฒนาเกม final table ของเราไปอีกระดับนึง!

ตัวอย่างที่ 2: ผลกระทบของ Calling Range vs Shove

สำหรับการ calling vs shove เราจะต้อง tight ขึ้นมากๆเมื่อมีเงินจำนวนมากเข้ามาเกี่ยวข้อง
ลองเปรียบเทียบ 15bb calling range สำหรับ big blind vs hijack shove  แบบนึงคือการคำนวณ chipEV และอีกแบบคือการคำนวณ $EV ด้วย ICM ที่ Sunday Million final table

จะเห็นว่าเราควร call tight ขึ้น และ fold marginal hand มากขึ้นเมื่อมี ICM เข้ามาเกี่ยวข้อง  บาง hand ที่ชัดเจนคือ:

  • Calling 44 โดยไม่มีผลกระทบจาก ICM = +0.90bb (crushing อย่างชัดเจน)
  • Calling 44 โดยมีผลกระทบจาก ICM = -$77.80 (ทำกำไรอย่างชัดเจน)
  • Calling KTs โดยไม่มีผลกระทบจาก ICM = +0.35bb (เป็น call ที่ค่อนข้างทำกำไรได้)
  • Calling KTs โดยมีผลกระทบจาก ICM = -$123 (เสียหายมาก)

หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เราได้รับชัยชนะที่ final table ครั้งต่อไป!

Source:
How ICM Should Impact Your Play at Final Tables
https://upswingpoker.com/icm-final-tables/