ทำไมเราถึงจะไม่ชอบ suited gapper ล่ะ? มันตั้งติด flush ได้, ติด 2 pair แปลกๆได้, ติด trips หรือแม้แต่ straight ที่คาดไม่ถึงด้วย
(suited gapper คือ hand ดอกเดียวกันที่ไพ่ไม่ติดกัน ที่สามารถติด straight ได้ เช่น T♠ 8♠, 9♥ 6♥ หรือ J♣ 7♣)
ในบทความนี้ เรามาเรียนรู้วิธีการเล่น suited gapper กันในสถานการณ์ทั่วไปตอน preflop เมื่ออ่านจบ เราจะได้คำแนะนำ 3 ข้อในการเล่น suited gapper เมื่อเราติดอะไรบางอย่างที่ flop และอีก 3 ข้อเมื่อเราไม่ติด flop
มาเริ่มกันเลย
suited gappers นั้นต่างจาก suited connector อย่างไร?
hand 2 ประเภทนี้ เหมือนจะคล้ายกัน แต่ suited gapper นั้นไม่ strong เท่ากับ suited connectors
สิ่งที่ต่างกันมากที่สุดก็คือ suited gapper จะมีโอกาสติด straight น้อยกว่า จากการคำนวณของ Flopzilla ดังนี้ :
- 98s จะมีโอกาสติด straight ที่ flop 2.23%
- 97s – 1.91%
- 96s – 1.59%
- 95s – 1.27%
ข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดอีกเรื่องคือ suited connector มี kicker ใหญ่กว่า suited gapper ซึ่งมีโอกาสทำให้เราเสียเงินมากขึ้น ถ้าติด top pair หรือ middle pair เช่น เราถือ 97s ติด top pair ใน flop 9-6-2 ที่คง fold ได้ยาก ถ้าเจอ value bet จาก 98s (หรือ 9x อื่นๆที่ kicker ใหญ่กว่า)
เรื่องพวกนั้นชัดเจนอยู่แล้ว แต่ที่ชัดเจนน้อยกว่า คือวิธีการเลน่ suited gapper ซึ่งเราจะมีศึกษาเรื่องนี้กัน
วิธีการเล่น suited gapper แบบทั่วไปตอน preflop
หมายเหตุ : พวก hand ที่เป็น high-card อย่าง QTs หรือ KJs นั้น เป็น suited gapper อยู่แล้วในทางเทคนิค แต่ในส่วนที่เราจะศึกษานี้จะพูดถึงเฉพาะ suited gapper ระดับต่ำ-กลาง เท่านั้น (ตั้งแต่ J ลงมา)
Pot ที่ยังไม่มีใครเป็นคนเปิด
suited gapper ไม่ใช่ hand ที่ strrong พอที่จะเปิดเท่าไหร่ ด้วยเหตุนี้ เราจึงไม่ควรจะ open-raise มันในทุกๆตำแหน่ง แต่มีโอกาสจะเปิดได้มากขึ้นตั้งแต่ HJ จนถึง SB ตามลำดับ
Let’s compare the open-raising range for the hijack compared to the button ลองเทียบ open-raising range ระหว่าง HJ กับ BTN ดู (นี่คือ range ที่มาจาก solver แบบ advance จาก Upswing Lab training course)
สีชมพู = Raise | สีเทา = Fold
จะเห็นได้ว่า RFI range ของ HJ นั้นจะมี suited gapper เพียงแค่ 2 hand 8nv J9s กับ T8s ขณะที่ของ BTN นั้น จะมีมากกว่า ตั้งแต่ J9s ลงไปจนถึง 85s และ 64s
เมื่อเจอกับ raise
มีเพียงตำแหน่งเดียวที่ควรล่นต่อกับ suited gapper นั่นก็คือ BB สำหรับตำแหน่งอื่น hand พวกนี้จะ weak เกินไปที่จะ call หรือ 3-bet นอกจากนั้นมันยังไป block folding range ของคนที่เปิดมาด้วย
แม้กระทั่งเป็น BB เจอกับ SB raise มา suited gapper ก็ไม่ค่อยจะใช้ 3-bet เท่าไหร่ (จากที่ solver แนะนำ) มันเหมาะกับใช้ call ในการต่อสู้ระหว่าง blind มากกว่า
เมื่อเจอกับ 3-Bet
น่าเสียดายว่า suited gapper คงต้องอยู่ใน folding range ของเราเมื่อเจอ 3-bet ในสถานการณ์ส่วนใหญ่มากกว่า
แม้มันจะสามารถใช้เล่นได้หลากหลาย แต่มันไม่มี equity เพียงพอที่จะเล่นต่อ ข้อยกเว้นเพียงอย่างเดียวคือตอนที่เราอยู่ตำแหน่ง BTN หรือ SB แล้วถูก raise เท่านั้น เนื่องจากในสถานการณ์นี้ เราสามารถเข้าไปเล่นใน flop ด้วย suited gapper ที่เป็นไพ่ต่ำ-กลาง ได้ดีกว่า
คำแนะนำ 3 ข้อในการเล่น ถ้าเราติด Flop
คำแนะนำที่ #1 : เมื่อติด strong hand ให้เล่น fast pay
ถ้าเราติด 2 pair หรือ trips เราควรจะรีบกินเงินในทันที ถึงจะมีประโยชน์ที่สุด ถ้าเราเล่น slopw play บ่อยเกินไป จะทำให้เราเสีย EV มากเกินไป
คำแนะนำที่ #2 : ถ้าติด 2 pair ให้ระวังโอกาสที่จะมี straight
ข้อยกเว้นสำหรับคำแนะนำที่ #1 คือเมื่อเราติด 2 pair ใน flop แต่มีโอกาสที่คู่แข่งจะมี straight ได้
เมื่อ board เป็นไพ่เชื่อมกันและใน range ของคู่แข่งมี hand ที่จะเป็น straight ได้ เราควรต้องระวังในการพยายามกินเงินในสถานการณ์ที่เราอยู่กึ่งกลาง ถ้าเจอ bet กลับมาให้ระวังตัวและ call เป็นหลัก
แต่ถ้าเราเป็น preflop aggressor โอกาสการมี straight ไม่ควรส่งผลกับเป้าหมายการปั้น pot ด้วยการ c-bet ของเรา แค่ต้องระมัดระวังให้ดีถ้าเจอ raise กลับมา
คำแนะนำที่ #3 : ถ้าติดแค่ top pair ให้เน้น pot control
ถ้าเราติด top pair ด้วย suited gapper มันมักจะไม่ strong พอที่จะ bet เอา value ติดกัน 3 รอบ เราจึงควรพิจารณาที่จะใส่เงินเดิมพันเพียงแค่ 1 หรือ 2 รอบเท่านั้น
การ control pot ด้วยการ check ที่ flop จึงเป็นทางเลือกที่ดี แต่เราก็สามารถที่จะ c-bet ที่ flop แล้ว check back ที่ turn ได้เช่นกัน พยายามประเมินตัวแปรต่างๆในแต่ละสถานการณ์ให้เหมาะสม ก่อนที่จะตัดสินใจว่าควรใช้ทางเลือกไหน ถึงจะสมเหตุผลที่สุด
คำแนะนำ 3 ข้อในการเล่น ถ้าเราไม่ติด flop
คำแนะนำที่ #1: ให้ bluff ด้วยการ raise ถ้ามี open-ended draw
เพื่อให้ได้ value มากที่สุดในระยะยาวและทำให้เราเป็นผู้เล่นที่เล่นด้วยยาก เราต้องมี bluff / semi-bluff รวมอยู่ใน bet, raise หรือ check-raise ที่ flop บ้าง
เมื่อเราถือ suited gapper เราอาจจะมีโอกาสติด open-ended straight draw พอสมควร ตัวอย่างเช่น T8 จะติด open-ended ประมาณ 6.55% ที่ flop
การมี 8 outs คือกลุ่มตัวอย่างที่ดีที่จะ semi-bluff ด้วยการมีโอกาสติด straight จนถึง river ประมาณ 32% ถ้าเราเป็น preflop aggressor เราควรจะ c-bet ด้วย hand เหล่านี้เกือบทุกครั้ง แต่ถ้าเราเป็น preflop caller เตรียมตัว raise เพื่อ semi-bluff แทน
คำแนะนำที่ #2 : ถ้ามี gutshot straight draw พร้อมกับ backdoor flush draw ให้พิจารณา semi-bluff
ความแตกต่างระหว่างการมี gutshot straight draw อย่างเดียวกับการมี backdoor flush draw เพิ่มเข้าไปด้วย จะมี equity ต่างกันประมาณ 4% นอกจากนั้น การมี backdoor flush draw ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการเล่นได้อย่างมหาศาล เพราะสามารถช่วยให้เรา bet ต่อได้ถ้า turn ตกมามี flush draw ซึ่งมีโอกาสเกิดได้ประมาณ 21%
เมื่อเราจะสร้าง กลยุทธ์การ check-raise ให้พิจารณาเพิ่ม gutshot ที่มี backdoor flush draws เป็น semi-bluff เพิ่มเข้าไปด้วย
คำแนะนำที่ #3: ถ้ามี backdoor อะไรก็ตามหรือดีกว่านั้น เราควร c-bet
เพื่อที่จะบาลานซ์กับ value hand ด้วยการ c-bet ที่ flop เราจึงจำเป็นต้องมี c-bet bluff มากพอสมควร ไม่อย่างนั้น เราอาจจะถูกมองว่าเป็นพวก nit (พวกที่ tight มากๆ) แต่จะมีปัญหาในการให้คู่แข่งจ่ายเงิน ถ้าเรามี strong hand
Backdoor flush draw เป็นโอกาสหนึ่งให้เรา c-bet bluff ได้ ด้วยเหตุผลเดียวกันกับที่ได้อธิบายไปในข้อที่แล้ว คือมันมีโอกาสการเล่นต่อที่จะติด flush ได้จนถึง river
ถ้าเราไม่ c-bet กับ hand เหล่านี้ เราอาจจะมีปัญหาในส่วนของ game tree ในการ run ไพ่บางแบบใน board ได้ในภายหลัง ตัวอย่างเช่น เรา c-bet ที่ flop 5♠ 4♠ 2♥ แล้ว turn ตกลงมาเป็น 8♠ ทำให้ติด flush ได้ ถ้า c-bet range ของเราที่ flop ไม่มี back door flush draw เราจะแทบไม่มี bluff ใน bluffing range ของเราตอน turn เลย ทำให้คู่แข่งสามารถ exploit ให้เรา fold ได้บ่อยกว่าปกติ ได้อย่างง่ายดาย
สรุปเนื้อหา
suited gapper เป็น hand ที่เจ๋งพอสมควร แต่เราต้องอย่าลืม เอามันไปเล่นบ่อยเกินไป พยายามเลือกเล่นตอน preflop ด้วยความระมัดระวัง และเล่นตอน postflop ให้ฉลาดพอ โดยการนำคำแนะนำข้างต้นไปใช้