เทคนิคทำเงินจากคู่ต่อสู้ 8 ประเภท

เวลาที่เราเล่นในเกม lower limit เราไม่จำเป็นต้องพยายามมากเกินไปที่จะอ่านคู่ต่อสู้บนโต๊ะของเราอย่างละเอียด  เพราะเราอาจไม่ได้เจอ player เหล่านั้นอีกแล้วก็ได้  แต่สิ่งที่สำคัญคือเราจะต้องรู้ว่าพวกเค้าเป็น player type ไหน และเราจะปรับรูปแบบการเล่นของเราเพื่อรับมือได้ยังไง

แยกแยะความแตกต่างของคู่ต่อสู้

ให้เริ่มต้นด้วยการตั้งคำถามง่ายๆกับตัวเอง 2ข้อ

  1. คู่ต่อสู้ของเราเล่น hand มากหรือน้อย?
  2. คู่ต่อสู้เล่นแบบ aggressive หรือ passive?

เราจะตีความว่า player ที่เล่นจำนวน hand มากๆว่า “loose” และ player ที่เลือกเล่น starting hand อย่างระมัดระวังว่า “tight”

แน่นอนว่าในที่นี้เรากำลังหมายถึง pre-flop style  แต่เราก็สามารถใช้เงื่อนไขเดียวกันนี้ในการแยกแยะผู้เล่นช่วง post-flop เช่นเดียวกัน  สำหรับเงื่อนไขเพิ่มเติม เช่น “loose fit or fold” จะหมายถึง player ที่ชอบเข้าไปดู flop บ่อยๆ และก็มักจะ fold เมื่อไม่ติดอะไร

ในส่วนของคำถามที่สองจะเกี่ยวข้องกับการที่ player เล่น hand ของเค้าอย่างไร  ถ้าเป็นการเล่นแบบ aggressive เราก็สามารถเลือก style การเล่นที่คาดการณ์ความ aggressive ไว้ก่อนได้  อาจจะเป็นการ check/raise (การที่เรา check เพราะรู้ว่าคู่ต่อสู้มักจะ bet และ นั่นเป็นการเปิดโอกาสให้เรา raise กลับไป)  ซึ่งแน่นอนว่า action นี้จะได้ผลก็ต่อเมื่อคู่ต่อสู้ของเราได้ bet ตามที่เราคาดการณ์ไว้เท่านั้น

เราอาจจะพยายามหลอกล่อให้คู่ต่อสู้ bluff โดยแกล้งแสดงความอ่อนแอเพื่อกระตุ้นให้คู่ต่อสู้ bluff  แต่ถ้าเป็นพวก passive player ก็จะไม่ตกหลุมพรางนี้  เพราะการ bluff ถือเป็นการเล่นที่ aggressive

วิธีการเล่นที่ดีที่สุดกับ passive player คือการใช้ standard value bet  เพราะเมื่อเราถือไพ่ดีๆและรู้ว่าคู่ต่อสู้เราจะไม่ bet เงินลงมาใน pot ด้วยตัวเอง เราก็คงจะต้องเป็นฝ่ายเริ่ม

มันไม่สำคัญว่าเราจะเจอคู่ต่อสู้แบบไหน  เทคนิคคือการทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม  ถ้าคู่ต่อสู้ loose เราจะต้อง tight  แต่ถ้าคู่ต่อสู้ tight เราจะ loose มากขึ้น  ถ้าเจอคู่ต่อสู้ที่ชอบ bluff เราก็ควรจะเป็นฝ่าย passive และล่อให้เค้า bluff  แต่ถ้าคู่ต่อสู้ passive ก็เป็นเวลาที่เราควรจะเป็นฝ่ายรุก

ข้อผิดพลาดที่มักเกิดขึ้นกับ player คือความคิด  เช่น “player นี้เล่นทุก hand เลย ดังนั้นเราก็ควรจะเข้าไปเล่นด้วยสิ”  แต่ความจริงแล้วเราต้องทำในสิ่งตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง

Rock

มาเริ่มต้นด้วย player style ที่สุดขั้วที่สุด: the rock

Rock จะสังเกตเห็นได้ง่าย เพราะพวกเค้าจะเล่น hand น้อยมากกกก  พวกนี้จะนั่งอยู่ได้เป็นชั่วโมงๆโดยไม่ทำอะไรเลย  และพวกเค้าไม่ได้รอไพ่ดีๆนะ แต่พวกเค้าจะรอไพ่ที่ดีที่สุด!

ถ้าเริ่มมีการเคลื่อนไหวจากพวก rock เราค่อนข้างมั่นใจได้เลยว่าพวกเค้าต้องมี A ซัก 5ใบ (หรือดีกว่านั้น) และเครื่องหมายรับรองจากพระเจ้าว่าเค้าจะชนะ hand นี้แน่นอน!

เราจะปรับเกมการเล่นให้เข้ากับ rock style ง่ายๆ ด้วยการ:

  • ไม่สนใจพวก rock
  • พยายามขโมย blind จาก rock ทุกครั้งที่มีโอกาส
  • ถ้า rock call หลังจากที่เรา raise pre-flop เราจะสามารถชนะ pot นั้นได้เกือบทุกครั้งด้วยการ c-bet
  • หนีออกมาซะ ถ้า rock เริ่มเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง

พวก rock จะสามารถทำกำไรได้จาก lower limits  แม้ด้วยการเล่นที่ weak ก็ตาม  การเล่นรูปแบบนี้ต้องการเพียงอย่างเดียวคือ “พวกโง่เง่า”  กำไรของพวก rock มาจาก player ที่เลือกจังหวะ bluff พลาด โดยการคิดว่า “พวกนี้ไม่ได้เล่น hand อะไรเลย แต่ตอนนี้ raise ยังกับคนบ้า…ต้องกำลัง bluff อยู่แน่ๆ!” อย่ากลายเป็นคนโง่เง่าที่เสียเงินให้กับพวก rock

Nit

Player ประเภทนี้มีความสุดขั้วน้อยลง แต่มีความโดดเด่น  nit จะพยายามเล่น poker ที่ดี เพียงแต่อาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจความหมายของการเล่น tight play

พวก nit ก็ชอบที่จะ fold  พวกนี้เรียนรู้ poker มามากพอจนคิดว่าตัวเองรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่  พวกเค้าอาจจะหยิบ starting hands chart ขึ้นมา และเริ่มเกม pre-flop ด้วยความมั่นคงและ aggressive

พวกเค้ามักจะเจอปัญหาช่วง post-flop เมื่อเริ่มรู้สึกว่าไม่สามารถควบคุมอะไรได้เลย และสุดท้ายก็จบลงด้วยความผิดหวังที่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับ hand เหล่านั้น

Nit ก็แทบจะไม่ bluff ยกเว้นการ c-bet เพียงอย่างเดียวเท่านั้น  เราจะต้องให้ความเคารพและอย่าเริ่มที่จะ call เพียงเพราะคิดว่าเขาอาจจะ bluff อยู่  ถ้า nit เริ่ม raise ตามด้วย c-bet ที่ flop และยัง bet ต่อที่ turn ก็รับประกันได้เลยว่าเค้ากำลังมี best hand อยู่ในมือ

Weak Tight Player 

ต่อมาเป็น weak tight player (rock และ nit เป็น player ที่สุดขั้วของ player ประเภทนี้)

ปัญหาหลักของพวก weak tight player คือพวกเค้าไม่รู้วิธีการรับมือกับ aggressive และมักจะกลัวเกินไปจนไม่สามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง

เราจะไม่สามารถเห็น weak tight player ได้ในทันที แต่หลังจากจำนวน hand ที่มากพอ เราจะเริ่มสังเกตุเห็นคนที่ fold บ่อยเกินไปเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความ aggressive

พยายามขโมย blind และ c-bet และเลือกจังหวะในการ aggressive  weak tight player ไม่ได้เป็นผู้เล่นที่แย่ที่สุด แต่เราสามารถทำกำไรให้กับไพ่ของเราได้ด้วยการใช้ความ Aggressive อย่างเหมาะสม

TAG

TAG ย่อมาจาก “tight aggressive” ซึ่งหมายถึงความยาก เพราะว่าตัวเราเองนี่แหละคือ TAG และ TAG คือ king of styles!

ไม่มีอะไรให้พูดถึงมากสำหรับ TAG  เพราะเมื่อเราได้บรรลุในการฝึกฝนกลยุทธ์แล้ว เราก็ได้แต่ถามตัวเองว่าเกมของเรามีจุดอ่อนตรงไหน และเราจะใช้หลักการเดียวกันนี้กับคู่ต่อสู้ของเรา

เราสามารถที่จะ aggressive ได้ แต่จะต้องเลือกจังหวะอย่างระมัดระวัง และเราก็ขโมย blind จาก TAG ได้ แต่ก็ต้องระมัดระวังด้วยเช่นกัน

โดยทั่วไปแล้ว เวลาที่ต้องเล่นกับ TAG เราจะพูดได้ว่า:

  • พวก TAG จะไม่ใช่เป้าหมายหลักของเรา
  • เน้นหา real fish
  • ถ้าไม่มี fish อยู่บนโต๊ะเลย ลองเสี่ยงโชคไปหาปลาที่โต๊ะอื่นดูบ้าง

มันเป็นการฝึกฝนที่ดีเมื่อเราได้เล่นกับ TAG โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ TAG ที่อ่อนกว่าบนโต๊ะ lower limits  นี่เป็นวิธีการที่ดีในการค้นหาจุดอ่อนในเกมของเราและอุดรอยรั่วทั้งหมด  ก่อนที่จะขยับขึ้นไปสู่โต๊ะ higher limits ที่เราจะต้องเจอกับ TAG มากขึ้นบนโต๊ะ  แต่สรุปโดยรวมแล้ว พวก TAG จะไม่ใช่เป้าหมายหลักในการทำเงินของเรา

Maniac

Maniac เป็นพวกที่ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิงกับสิ่งที่เราได้พูดถึงมาทั้งหมดในตอนนี้  Maniac จะ บ้าระห่ำ และ ไม่มีรูปแบบ

Maniac จะเล่น loose และ aggressive อย่างมากกกกกก  พวกนี้ไม่ได้มอง poker เป็นเกมกลยุทธ์ แต่อาจจะมองเป็นแค่เกมที่ใครถือลูกบอลใหญ่ที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าของพวกเค้าต้องใหญ่ที่สุด

Maniac จะถูกหลอกล่อให้ bluff ได้ง่าย  ซึ่งพวกเค้าก็ถนัดในการ bluff อยู่แล้ว ดังนั้นเราจะปล่อยให้เค้าทำไป  โดยปกติแล้วการ slow play บน lower limit จะไม่สามารถทำให้คุณไปได้ไกล แต่นี่จะเป็นข้อยกเว้นเมื่อเราเจอกับ maniac

เมื่อต้องเจอกับ maniac เราควรจะ:

  • เล่น tight
  • พยายามหลอกล่อให้คู่ต่อสู้ bluff
  • อดกลั้น และไม่ bluff ใส่ maniac

รอจังหวะไพ่ดี และเล่นเหมือนเด็กหญิงไร้เดียงสาในป่า ที่ไม่เกรงกลัวต่อหมาป่าใหญ่  อย่าปล่อยให้คู่ต่อสู้ดึงเราไปสู่การเผชิญหน้าอย่างไร้สติ  เพราะการเล่น poker เป็นการทำกำไรด้วยการตัดสินใจที่ถูกต้องในเวลาที่ถูกต้อง  เราไม่สามารถเผชิญหน้ากับ maniac ด้วยการกลายเป็น maniac ไปด้วยอีกคน

คู่ต่อสู้แค่รู้จักเราผ่าน nickname และรูป avatar ของเราเท่านั้น  เราไม่สามารถพิสูจน์อะไรกับคู่ต่อสู้ได้ทั้งนั้น ไม่ว่าเราจะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม  พยายามสงบและเล่นไปตามกลยุทธ์ของเราและดึงเงินจากพวก maniac มาให้ได้มากที่สุด

เช่นเดียวกับ player ประเภทสุดขั้วต่างๆ maniac มีความสามารถในการทำให้ player คนอื่น tilt  ถ้าเรากำลังรู้สึกว่านอกจากจะต้องการเอาเงินจากคู่ต่อสู้แล้ว เรายังต้องการสร้างความประทับใจครั้งสุดท้ายไว้อีกด้วย นั่นน่าจะถึงเวลาที่เราต้องย้ายไปหาโต๊ะใหม่ที่มีแต่คู่ต่อสู้ทั่วๆไปแล้วล่ะ  แล้วเราอาจจะพบว่าเราทำกำไรได้มากกว่าบนโต๊ะอื่นก็ได้

LAG

LAG ย่อมาจาก “loose aggressive” LAG เล่นหลายๆ hand และเล่นอย่าง aggressive พวกนี้จะเหมือน maniac แต่สามารถควบคุมตัวเองได้ดีกว่ามาก

LAG เคยเป็นการเล่นที่ทำกำไรได้บนโต๊ะ higher limits อยู่ระยะนึง  แต่ในระยะหลังก็เปลี่ยนไปสู่ TAG style  แต่บนโต๊ะ lower limit จะไม่มี LAG จะมีแต่ maniac (หรือใกล้เคียง maniac) และ player อีกมากมายที่พยายามเลียนแบบ LAG โดยที่ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่

LAG ที่ดีจะทำกำไรช่วง postflop โดยอาศัยจังหวะการตัดสินใจที่ถูกต้องและแม่นยำในช่วงสถานการณ์ล่อแหลมเพื่อทำกำไรให้ได้มากที่สุด  LAG มักเลือกเล่น Loose Starting Hand จึงทำให้พวกเค้ามักตกอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลมเหล่านี้ทั้งช่วง Preflop และ Postflop  คู่ต่อสู้มักประเมิน LAG ต่ำไปโดยคิดว่าเป็นพวก Maniac  แต่จริงๆแล้ว LAG รู้ดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่

การรับมือกับพวก LAG ก็จะคล้ายกับการรับมือพวก Maniac คือต้องปรับเกมด้วยการเล่น Tight มากขึ้น  หลอกล่อให้ Bluff และต้องระมัดระวังมากยิ่งขึ้นโดยหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าในสถานการณ์ล่อแหลม

Calling station

Calling station เริ่มลดน้อยลงๆในช่วงหลายปีที่ผ่านมา  player รุ่นเก่าบางคนยังจำได้ดีถึงสมัยก่อนที่บนโต๊ะเต็มไปด้วย player ที่ไม่รู้ว่าปุ่ม fold มีไว้เพื่ออะไร  ถึงแม้ตอนนี้จะไม่ค่อยมีแบบนั้นแล้ว แต่เราก็อาจจะยังได้เจอกับสถานการณ์เช่นนี้บ้างเป็นครั้งคราว

Calling station รู้จักที่จะ call เท่านั้น  พวกนี้จะเล่นอยู่นานและแทบจะไม่แสดงความ aggressive แม้แต่ตอนที่พวกเค้ามี hand ที่ดีมาก

พวกนี้ไม่ต้องมีเหตุผลในการ call  ถ้าเรา raise pre-flop และโดน call พวกนี้ก็จะ call เราอีกเมื่อเรา bet ที่ flop  ถึงแม้ว่าพวกเค้าอาจจะถือ 9 และ 6 และกำลังมองมาที่ 3 8 J บน flop

อย่าไปเสียเวลาที่จะพยายามทำความเข้าใจระบบของพวกเค้า แต่สิ่งที่เราจะต้องทำคือ:

  • ห้าม Bluff Calling Station และอย่าพยายาม Bluff มากเกินไปด้วย Semi-bluff
  • ไม่ต้องพยายามหลอกล่อให้ Bluff เพราะ Calling Station จะ Bluff น้อยมาก
  • Value bet มากขึ้น หมายความว่าเราอาจสามารถ Bet ด้วยให้กลางๆได้มากขึ้น เพราะ พวก Calling Station ก็จะพยายามหาเหตุผลมา Call ด้วย Hand ที่แย่กว่า
  • เล่นไพ่ Draw อย่าง Passive  เพราะ Calling Station มักเปิดโอกาสให้เราดูไพ่ฟรี
  • จำไว้ว่า ถ้า Calling Station เริ่มแสดงการ Aggressive แสดงว่าเค้าอาจจะถือไพ่ที่ดีมากๆ

แน่นอนว่ามีข้อยกเว้นเสมอ  ตอนนี้ calling station ก็เริ่มมีการ bluff แล้ว และจะเป็นเวลาที่พวกเค้าไม่ติด draw ที่ river  ซึ่งเรายังควรที่จะ play for value  เมื่อเราถือไพ่ที่ดีพอ พยายามที่จะทำกำไรให้ได้มากที่สุด

จริงๆแล้ว poker ค่อนข้างจะเป็นเกมที่เรียบง่าย ถ้าเพียงแค่เราไม่ tilt  และนั่นอาจจะเป็นช่วงเวลาที่ calling station run good  เพราะพวกนี้จะทำให้เราเสียเงินด้วยไพ่ใบเดียวที่เราไม่อยากเห็นที่ river  ถ้าเรารู้ว่านี่จะเป็นสิ่งที่ทำให้เราหัวเสียแล้วล่ะก็ เราก็ควรเริ่มที่จะมองหาโต๊ะอื่น

Donkey

Donkey เป็นคำที่ใช้เรียก player ที่เล่นแย่ๆ ประเภทที่ทำอะไรแบบไม่มีเหตุผลเอาซะเลย

Donkey ทั่วไปบนโต๊ะ lower limit ชอบที่จะดู flop และไม่เข้าใจว่าทำไมเราจะต้อง raise pre-flop กันด้วย….ในเมื่อเราก็ไม่รู้ซะหน่อยว่าไพ่อะไรจะเปิดออกมา

พวกนี้จะชอบ bluff ด้วยความคิดที่ว่า “เค้าต้องไม่มีอะไรแน่ๆ” และก็ยังยินดีที่จะ call ด้วยไพ่ที่แย่กว่าด้วยเช่นกัน

Donkey ชอบเล่นไพ่ draw แบบ passive และจะ bluff เมื่อไม่ติดไพ่ draw ที่ river  พวกนี้จะ bet และ raise โดยไม่มีเหตุผล  จะ bluff ทั้งๆที่น่าจะรู้อยู่แล้วว่าแพ้ และจะ call โดยที่ไม่มี back up อะไรทั้งสิ้น  พวกนี้ถือเป็น player ที่ยอดเยี่ยมสำหรับ bankroll ของเราเลยล่ะ

Donkey มักจะ loose และ passive มากเกินไป  พวกเค้ามักจะ slowplay เมื่อถือไพ่ดีๆ  และพร้อมจะ bet เสมอถ้ารู้สึกอยากจะ bluff  พวกนี้มักจะเป็นทุกข์กับความผันผวนทางอารมณ์อย่างสูง และมีโอกาสที่จะเปลี่ยนสู่โหมด Maniac (ขึ้นอยู่กับว่ากำลังชนะหรือแพ้)   นี่คือสิ่งที่เราจะต้องคอยสังเกตุให้ดี เพราะเหล่า donkey มักจะเปลี่ยน style การเล่นหลายๆครั้งในเกม

Donkey มีความสามารถพิเศษอยู่อย่างนึงคือการ tilt  แต่ปัญหาคือพวกเค้าจะไม่ tilt อยู่แค่กับตัวเอง แต่จะพาคนอื่นๆ tilt ไปด้วยกัน จาก style การเล่นที่คาดการณ์ไม่ได้ของ donkey  พวกเค้าจะชอบเล่น gutshot และบางครั้งก็จะติดที่ river ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ทุกๆคนที่จะสามารถทนกับสถานการณ์แบบนี้ได้

ถ้าเจอ Donkey อยู่บนโต๊ะ ให้เราเล่นแค่ ABC Poker และคอยสังเกตพฤติกรรมว่าพวก Donkey เล่น Monster Hand ยังไง? ยอม Fold ตอนไหน? เพราะ Donkey แต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน  แต่ยังไงเราก็จะสังเกตเห็นพวกนี้ได้ง่าย  และมีโอกาสให้เราได้ตอบโต้อย่างมากมาย  

เมื่อเราเริ่มจับตาเค้าไว้ได้แล้วล่ะก็ ให้เราทยอยทำเงินจากเค้าทีละน้อย โดยคาดว่าเค้าจะไม่ติด gutshot สามครั้งรวดที่ river  แต่ถ้าเกิด donkey ดันโชคดีขึ้นมา ก็ให้เราพยายามสงบอารมณ์และห้าม tilt  ถ้าเรารู้สึกว่าอารมณ์เริ่มจะร้อนขึ้นก็ให้ลุกไปหาโต๊ะใหม่ซะ

บทสรุป

เราไม่ได้ทำเงินจาก poker ด้วยการมี hand ที่ดีกว่าคู่ต่อสู้ของเรานานๆครั้ง  เพราะทุกๆคนก็ได้ hand ดีๆได้ทั้งนั้น  แต่ถ้าเราต้องการทำเงินจาก poker เราจะต้องเล่น hand ที่ดีของเราให้ดีกว่าที่คู่ต่อสู้เล่น hand ของพวกเค้า และเช่นเดียวกันกับ hand ที่ไม่ดี

มันไม่มีเหตุผลที่จะพาตัวเองไปเล่นกับคู่ต่อสูที่ดีที่สุดในช่วงที่เรากำลังปั้น bankroll บนโต๊ะ lower limit  แต่เราควรจะมองหาคู่ต่อสู้พวก calling station พวก nit และ weak tight  และถ้าเรามีจิตที่แข็งแกร่งพอก็ให้มองหาพวก maniac ด้วย

เราจะได้เจอคู่ต่อสู้ที่ฝีมือดีพอบนโต๊ะ mid-stake  แต่บนโต๊ะ lower limit นั้นจะเต็มไปด้วยผู้เล่นที่เล่นอย่างไม่ฉลาดนัก  พยายามแยกพวกนี้ให้ออกและดึงเงินมาให้ได้เพราะนี้คือความลับในการเติบโตของเรา

สิ่งสำคัญที่สุดเวลาเริ่มเล่น poker คือการสร้าง bankroll  ซึ่งเราสามารถทำได้โดยการเลือกคู่ต่อสู้อย่างระมัดระวัง  ตอนนี้เราก็ได้รู้แล้วว่าควรจะมองหาคู่ต่อสู้แบบไหน…ไปเริ่มหากันได้เลย!

Source:
The 8 player types – how to get their money
https://www.pokerstrategy.com/strategy/fixed-limit/8-player-types-get-their-money/