วิธีการเล่นเมื่อเป็น Deep Stack : คำแนะนำ, ทริค และการปรับตัว เพื่อช่วยให้คุณชนะ

ถ้าการเล่นเมื่อเราเป็น deep stack (150bb+) ทำให้เรากังวลหรือสับสน บทความนี้จะช่วยให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้น

คุณกำลังจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับ :

  • วิธีปรับขนาด bet size เมื่อเป็น deep stack
  • วิธีเลือกแฮนด์ที่เหมาะสมในการ 3-bet และ 4-bet เมื่อเป็น deep stack
  • วิธีปรับการเล่น postflop เมื่อเป็น deep stack

ลงไปลุยกัน!

Deep Stack ในเกมโป๊กเกอร์คืออะไร?

deep stack แสดงถึงการที่มี stack ขนาดใหญ่ในแคชเกม ส่วนมากมักจะมากกว่า 100bb เช่นเดียวกับตอนมี stack เริ่มต้นในการเล่นในทัวร์นาเมนต์ ซึ่งความใหญ่ จะเทียบเป็นสัดส่วนกับขนาดของ blind และ ante ดังนั้น ทัวร์นาเมนต์ที่มีลักษณะสัดส่วนดังกล่าว มักจะถูกเรียกว่า ทัวร์นาเมนต์แบบ deep stack

ขนาดของการ bet ตอน preflop

เมื่อเราต้อง open raise ตอน preflop ขนาดที่ใช้ควรจะเท่ากับเมื่อตอนที่เรากำลังเล่นด้วย stack ขนาด 100bb ถ้าปกติเรา raise 2.5bb ก็ใช้ขนาด 2.5bb ถ้าปกติเรา raise 4bb ก็ใช้ขนาด 4bb เช่นเดียวกับขนาดอื่นๆ

ขนาดของ 3-bet ควรจะเหมือนเดิมเช่นกัน เมื่อเรา in position เมื่อเราเป็นคน 3-bet ที่ in position เราจะได้เปรียบไปตลอดการเล่นในแฮนด์นั้น เพราะเราจะได้เล่นทีหลังเสมอ แปลว่าเราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนขนาดของ 3-bet เพราะเราต้องการให้คู่แข่งเข้ามาเล่นใน flop ด้วย range ที่กว้างพอ ในสถานการณ์ที่มี SPR (stack-to-pot ratio) สูงๆ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่คู่แข่งจะเล่น postflop ได้ยากมากๆ

ขนาดของ 3-bet ควรจะใหญ่ขึ้น เมื่อเรา out of position ตัวอย่างเช่น ถ้าคู่แข่งของเรามี stack 200bb และเปิดมา 2.5bb การ raise ไป 11bb แทนที่จะเป็นขนาดปกติที่ 9bb จะเป็นการปรับที่ดีกว่า ซึ่งเราอาจจะ raise ได้ใหญ่กว่านี้ ขึ้นอยู่กับว่าทั้งคู่มี stack deep มากแค่ไหน

การใช้ขนาด 3-bet ที่ใหญ่ขึ้น จะทำให้ SPR ลดลง (ทำให้ช่วยบรรเทาความเสียเปรียบเรื่องตำแหน่งได้) และช่วยป้องกันไม่ให้คู่แข่งสามารถ call มาเล่นด้วย range ที่กว้างๆได้ง่ายๆ

การ 4-bet ก็ใช้หลักคิดเดียวกัน เราควรจะเพิ่มขนาดเล็กน้อย เมื่อเรา  out of position และใช้ขนาดเดิม เมื่อเรา in position

range ของการ 3-bet

เมื่อเรา 3-bet in position เราไม่จำเป็นต้องปรับ range เลย ฝ่ายที่ต้องปรับอย่างมาก คือคู่แข่งของเราที่ out of position มากกว่า

แต่เมื่อเรา 3-bet out of position เราต้องมีการปรับ 3-bet range ของเราบางส่วน ดังนี้ :

อย่างแรก มันสมควรที่ปรับ range ให้ polarized มากขึ้น เนื่องจากเราใช้ขนาดการ 3-bet ที่ใหญ่ขึ้น เราจึงไม่ควรเข้าไปเล่นใน pot ที่ขนาดใหญ่มากๆ กับแฮนด์ที่แข็งแกร่งกลางๆ (linear range)

อีกอย่างคือ เราควร 3-bet กับแฮนด์ที่เป็น suited connector มากขึ้น เพื่อให้ range ของเราครอบคลุมการเล่นหลายๆ board มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ชีวิตการเล่นง่ายขึ้น เมื่อ board รันออกมาหลายๆแบบ ที่ปกติแล้วมันจะไม่ค่อยเข้าทางกับ 3-bet range แบบปกติของเรา เราคงไม่อยากจะเสียถึง 200bb ที่ river กับแฮนด์ที่เป็น overpair บน board อย่าง 6♦ 5♣ 2♠ T♦ 3♣ เพียงเพราะมันอยู่ในส่วน top สุดของ range ของเรา การ 3-bet ด้วย suited connector จึงเป็นการปรับที่ใช้ได้ผล ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว

แฮนด์ที่เป็น AXs ยังคงมีค่าเท่าเดิม เพราะมันมีโอกาสชนะ pot ใหญ่ได้เฉพาะสถานการณ์ที่เป็น flush ชน flush เท่านั้น ดังนั้น เรายัง 3-bet กับแฮนด์พวกนี้ได้เหมือนเดิม (ไม่ต้องเพิ่ม)

range ของการ 4-bet

เมื่อมาถึงการเล่น 4-bet เราไม่จำเป็นต้อง raise เบาๆเพื่อ value ไม่ว่าเราจะเป็น in position หรือ out of position ก็ตาม ด้วยเหตุผลที่ต่างกันดังนี้

เมื่อเราเจอ 3-bet โดยที่เรา in position เรายินดีที่จะ call บ่อยขึ้น เพราะมันทำให้คู่แข่งเล่น postflop (ต้องเล่น out of position ในขณะที่มี SPR สูง) ดังนั้น การ flat call ด้วยพรีเมี่ยมแฮนด์ที่รองจาก KK (เช่น QQ หรือ AK) จะมีประโยชน์มากขึ้น

เมื่อเราเจอ 3-bet โดยที่เรา out of position เราต้องลดความเสียเปรียบและปกป้อง range ของเรา ดังนั้น การ flat call ด้วยพรีเมี่ยมแฮนด์ที่รองจาก KK (เช่น QQ หรือ AK) คือทางเลือกที่ดีที่สุด

ในกรณีเดียวกัน เราอาจจะ flat call กับ AA และ KK ได้ ขึ้นอยู่กับว่า stack เรา deep แค่ไหน และคู่แข่งเรา aggressive ในการเล่น postflop ขนาดไหน, depending on how deep you actually are and how aggressive your opponent will play postflop เราอาจจะ 4-bet ด้วย AA และ KK น้อยลง เมื่อ stack เรา deep มากๆ และเจอกับผู้เล่นที่ aggressive ที่พร้อมจะสาดชิพลง pot ตอน postflop

กลยุทธ์การเล่นตอน postflop

การปรับการเล่นที่สำคัญตอน postflop คือเมื่อเราเล่นใน 3-bet pot จากที่เราเป็นคน 3-bet โดยที่ out of position นี่เป็นการปรับการเล่นเมื่อเป็น deep stack ที่สำคัญที่สุด เพราะเป็นสถานการณ์ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงใน SPR มากที่สุด

จากการที่เรามี stack deep มากๆ ณ จุดนี้ ทำให้เราต้องเล่นแบบระมัดระวังในเชิงป้องกันมากขึ้นเล็กน้อย นั่นหมายถึงเราต้อง check บ่อยขึ้น, call บ่อยขึ้น, bet น้อยลง และ check-raise น้อยลง ซึ่งจะเป็นประโยชน์โดยเฉพาะเมื่อเจอกับคู่แข่งที่ aggressive ที่พร้อมจะโจมตี capped ranges ของเรา (ในสายตาของเขา) อย่างไม่ลดละ

ในสถานการณ์ postflop อื่นๆ เช่น 4-bet pot หรือ 3-bet pots in position เมื่อเราเป็น preflop raiser กลยุทธ์โดยรวมของเราจะไม่เปลี่ยนมากเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับตอนมีขนาด stack ปกติ

สรุปความคิด

การเล่นเมื่อเป็น deep stack อาจจะเป็นเรื่องที่อันตรายมากๆ แต่มันก็อาจจะเล่นได้สบายเหมือนเดินเล่นในสวนได้ ขึ้นอยู่กับว่าเราเตรียมตัวการเล่นตั้งแต่ช่วง preflop ได้ดีแค่ไหน ด้วยการปรับการเล่นตามที่แนะนำไป จะช่วยให้เราสามารถเล่นได้อย่างมั่นใจ และทำให้คู่แข่งอยู่ในจุดที่ลำบากได้มากขึ้น

https://upswingpoker.com/deep-stack-strategy-tips/