ถ้าคุณต้องการจะทำเงินให้ได้มากที่สุดในเกม poker แล้วล่ะก็ คุณจำเป็นที่จะต้องมีความเชี่ยวชาญใน spot ที่จะต้องเจอบ่อยๆ
เราจะมาพูดกันถึงความแตกต่างของ pot 2 ประเภทในเกม poker นั่นก็คือ single raised pot และ 3-bet pot
และเราจะเจาะลึกลงถึงการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ที่ดีที่สุดตามความแตกต่างของ pot ทั้งสองประเภทนี้
Single Raised Pot & 3-Bet Pot คืออะไร?
Single raised pot เกิดขึ้นเมื่อมีผู้เล่น raise preflop เพียงคนเดียวและมีผู้เล่น call ตามมาหนึ่งคนหรือมากกว่านั้น เช่น คุณ raise ที่ button และมีคน call จาก big blind
3-bet pot เกิดขึ้นเมื่อมีผู้เล่น raise จากนั้นผู้เล่นอีกคน re-raise และมีผู้เล่นคนอื่นๆ call ตามมา เช่น คุณ raise ที่ button จากนั้นมีคน 3-bet จาก big blind และคุณ call
กลยุทธ์ที่แตกต่างระหว่าง Single Raised & 3-Bet Pot
เรามาเปรียบเทียบ pot สองประเภทนี้ ด้วยการดูปัจจัยพื้นฐาน 2 อย่างที่ควรจะมีอิทธิพลต่อกลยุทธ์ของเรา
1. SPR (Stack-to-pot ratio)
2. Preflop range
Stack-to-pot ratio
หรือ SPR มีความหมายตรงตามชื่อของมัน ซึ่งก็คืออัตราส่วนของ stack ที่มีอยู่ใน hand หารด้วย pot และ SPR จะทำการคำนวณในทุกๆ street
SPR ใน single raise pot นั้นจะสูงกว่าใน 3-bet pot อย่างมาก ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อแนวทางการเล่นของเรา ลองมาดูตัวอย่างของการ heads-up ที่เริ่มต้นด้วย 100 big blind stack
SPR ใน Single Raised Pot: ผู้เล่นที่ button raise 2.5bb จากนั้นผู้เล่นที่ big blind call ตอนนี้ pot มีจำนวน 5.5bb ที่ flop และผู้เล่นเหลือ stack อีกคนละ 97.5bb ดังนั้น SPR จะเท่ากับ:
97.5/5.5 = 17.7 SPR
SPR ใน 3-Bet Pot: ผู้เล่นที่ button raise 2.5bb จากนั้นผู้เล่นที่ big blind 3-bet 10bb และ button call ตอนนี้ pot มีจำนวน 20.5bb ที่ flop และผู้เล่นเหลือ stack อีกคนละ 90bb ดังนั้น SPR จะเท่ากับ:
90/20.5 = 4.39 SPR
การเปลี่ยนแปลงของ SPR ส่งผลต่อกลยุทธ์การ C-Bet ยังไง?
ความแตกต่างอย่างมากของ SPR นั้นจะส่งผลกระทบที่สำคัญ
เราจะลองใส่ตัวอย่างนี้ลงไปใน solver simulation โดยการใส่ preflop range แบบเดียวกัน มีเพียงแค่ SPR ที่แตกต่างกัน เพื่อที่จะให้เราได้เห็นถึงความแตกต่างใน pot ทั้งสองประเภทนี้
(Note: เป้าหมายของการเปรียบเทียบนี้คือการแบ่งแยกความแตกต่างของ SPR เพื่อให้เราเข้าใจว่ามันส่งผลต่อกลยุทธ์ของเราอย่างไร) เพราะว่าเราจะใช้ preflop range แบบเดียวกัน นี่จึงอาจไม่ใช่การเปรียบเทียบที่ตรงนักระหว่าง 3-bet pot และ single raised pot เพราะ range ใน 3-bet pot จะแคบกว่า ซึ่งเดี๋ยวเราจะพูดถึงกันต่อไป
มาเริ่มดูกันว่า solver แนะนำการเล่นใน single raised pot ที่มี SPR สูงๆอย่างไร:

ที่นี้ลองมาเปรียบเทียบกับกลยุทธ์ที่ solver แนะนำในการเล่น 3-bet pot ที่มี SPR ต่ำๆกันบ้าง:

ข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดคือผู้เล่นที่ in-position ควรจะเล่นอย่างระมัดระวัง และ aggressive น้อยลง แต่ว่าเพราะอะไรล่ะ?
เหตุผลก็คือ…ถ้าเราจะยัง bet บ่อยๆเป็นปกติ ในเวลาที่เรา short stack แล้วล่ะก็ ผู้เล่นที่อยู่ out-of-position จะสามารถ check-raise ได้อย่าง aggressive ขึ้นมาก กว่าการที่เรามี deep stack
ทำไมผู้เล่น Out-of-Position จึงสามารถ Check-Riase ได้มากขึ้นเวลา Short Stack?
ในเวลา short stack ไพ่อย่าง top pair จะมีค่าขึ้นมาก ซึ่งจะทำให้ผู้เล่น out-of-position เล่นอย่าง aggressive มากขึ้น hand แบบนี้ และด้วย hand range ที่กว้างขึ้นนี้ ก็จะทำให้ check-raise เพื่อ semi-bluff ได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน
ที่นี้ลองมาเปรียบเทียบกับการเล่นด้วย deep effective stack การที่จะเอา top pair เข้าไปแบบหมด stack ถือเป็นเรื่องหายนะชัดๆ เพราะไม่ใช่แค่ผู้เล่น in-position สามารถที่จะมีไพ่ที่ดีกว่ามากมาย แต่เขายังสามารถ call มาด้วยไพ่ draw หรืออะไรก็ได้ที่มี implied odds จากจำนวนชิพที่เหลืออยู่
(ลองคิดดูว่า เราจะโอเครึเปล่าที่จะ all-in ด้วยไพ่ KJ บนบอร์ด KT2 กับ single raised pot 100bb? คิดว่าเราไม่น่าจะโอเคนะ นอกจากว่าคู่ต่อสู้จะเป็นพวก maniac)
เพื่อจะให้เห็นภาพ เรามาดูกลยุทธ์การ check-raise ของผู้เล่น out-of-position ต่อคู่ต่อสู้ที่มี short stack (pot มี 6ชิพ stack เริ่มต้นที่ 28ชิพ)

ที่นี้ลองมาเปรียบเทียบว่าผู้เล่น out-of-position จะเล่นกับ short stack เดิมนั้นยังไง ถ้าคู่ต่อสู้ c-bet บ่อยๆเหมือนการเล่นกับ deep stack

ผู้เล่น out-of-position จะ check-raise มากขึ้นประมาณ 50% ถ้าคู่ต่อสู้ c-bet มากเกินไป ซึ่งเป็นการ raise ที่เกิดจากทั้ง value hand (เช่น K8o, K7s, ATo) และ semi-bluff (เช่น J2s, A6s, J9o)
ความแตกต่างของ SPR ยังทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์อีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือ bet sizing
SPR ส่งผลกระทบต่อ Bet Size ยังไง?
เวลาที่ board dynamic และ SPR สูง ผู้เล่น in-position จะพยายามเพิ่ม bet size เพื่อที่จะ build pot ให้ใหญ่ที่สุดเวลาที่มี strong hand เป้าหมายก็คือการทำให้ stack ทั้งหมดไปอยู่ตรงกลางเมื่อถึง river
แต่ในเวลาที่ SPR ต่ำ มันก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเร่ง build pot ในทันที เพราะ pot สามารถที่จะโตได้ด้วยการ c-bet ที่เล็กลง หรือพูดอีกอย่างก็คือ มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะ all-in ที่ river อยู่ดี ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้อง bet หนักๆ
เพื่อที่จะให้เห็นภาพ เรามาลองเปรียบเทียบความแตกต่างของกลยุทธ์การ c-bet โดยใช้ solver simulation กับ SPR สองแบบ ด้วยบอร์ด ซึ่งเราได้ใส่ bet size สามตัวเลือกให้กับ solver: 33%pot 50%pot และ 66%pot
ผลของ simulation ด้วย SPR ต่ำ คือ solver แนะนำ 50% pot-sized bet

และเมื่อเปรียบเทียบผลของ simulation ด้วย SPR สูง solver จะแนะนำการ bet ที่ 66% pot

ต้องหาทางเอาเงินทั้งหมดลงไปใน pot ให้ได้ซักทาง!
Pre-flop range ใน Single Raised vs 3-Bet Pot
ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวระหว่าง single raised pot และ 3-bet pot ก็คือ range ของไพ่ที่เข้ามาเล่น โดย range ใน single raised pot จะกว้างกว่าใน 3-bet pot
อย่างไรก็ตาม ใน pot ทั้ง 2 ประเภทนั้น ผู้ที่เป็น preflop aggressor จะเป็นคนที่มี equity advantage บน flop ทุกรูปแบบยกเว้น flop ต่ำๆหรือ very wet flop และการมี equity advantage นี้เองที่จะทำให้สามารถ c-bet ได้อย่าง aggressive มาก
บทสรุป
จากที่เราได้เห็นกันแล้วว่า ข้อแตกต่างเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญที่สุดระหว่าง single raised pot และ 3-bet pot เกิดจากความแตกต่างอย่างมากของ SPR
ยิ่ง SPR ใน 3-bet pot ต่ำมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้เกิด:
1) ขนาดของ c-bet ที่เล็กลง (โดยทั่วไป) จาก in-position aggressor
2) การ check-raise อย่าง aggressive ขึ้น จาก ผู้เล่น out-of-position ในการตอบโต้คู่ต่อสู้
และจะบอกอีกด้วยว่า…ข้อแนะนำหลายๆอย่างในนี้ก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับกลยุทธ์การเล่น tournament ตอนที่ SPR มักจะต่ำๆในช่วงท้ายได้เช่นกัน
Source:
Single Raised Pots & 3-Bet Pots
https://upswingpoker.com/single-raised-pots-vs-3-bet-pots/?inf_contact_key=f307c6e3a207a1f6073509464766d2c016358d5485884e2f31e6019a0d26c8b0
cover picture reference:
https://www.gambling.com/online-poker/knowledge/poker-basics-how-much-to-bet-164700