เมื่อไหร่ที่เราเจอกับผู้เล่นแย่ๆ นั่นหมายความว่าเรามีโอกาสที่จะเอาชนะชิพพวกเขามาได้เป็นจำนวนมาก
ด้วยกลยุทธ์ที่ถูกต้อง ตัวเลขนั้น (และชิพของเรา) จะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆเหมือนกับ snowball ที่กลิ้งลงจากภูเขาน้ำแข็ง
ผู้เล่นพวกนี้จะทำผิดพลาดมากกว่าปกติ และการชิงความได้เปรียบจากข้อผิดพลาดเหล่านี้จะทำให้เรามี win-rate สูงขึ้นด้วย variance ที่ต่ำลง
บทความนี้จะอธิบายถึงวิธีการเอาชนะที่เพิ่มขึ้นจากผู้เล่นเหล่านี้ด้วยการใช้ bet size อย่างชาญฉลาด
คำศัพท์สำคัญ
Exponential Growth
Exponential growth หรือการเติบโตแบบทวีคูณ เป็นประเภทของการเติบโตที่มีอัตราเร็วมากขึ้นเรื่อยๆตามสัดส่วนของจำนวนทั้งหมดที่เพิ่มขึ้น หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือเมื่อบางสิ่งเติบโตขึ้นตามมูลค่าปัจจุบันของมัน
ตัวอย่าง…สมมุติว่าคุณมีกระต่ายอยู่ 100 ตัวในเดือนมกราคม และจำนวนของมันเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวในทุกๆเดือน นั่นหมายความว่าคุณจะมีกระต่าย 200 ตัวในเดือนกุมภาพันธ์ 400 ตัวในเดือนมีนาคม 800 ตัวในเดือนเมษายน และอีกต่อไปเรื่อยๆๆ…
หลังจาก 13 เดือนผ่านไปคุณก็จะมีกระต่ายอยู่ 409,600 ตัว ด้านล่างคือรูปกราฟแสดง exponential growth นี้:
สำหรับในเกมโป๊กเกอร์ มันก็เปรียบเหมือน pot size ที่มี exponential growth ตามที่ hand ดำเนินต่อไป หรือพูดอีกอย่างก็คือ y-axis (กระต่าย) จะเป็น pot size และ x-axis (เดือน) จะเป็นแต่ละ street (flop/turn/river)
Elastic Calling Range
Calling range ที่ elastic หมายถึงเมื่อการเพิ่มขึ้นของ bet size ส่งผลกระทบให้ calling range ลดลงได้บ้าง หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ calling range ขึ้นอยู่กับขนาดของ bet size
ตัวอย่าง…ถ้าเราจะ call bet $20 ด้วย range ที่ tight ขึ้นกว่าที่เราจะ call bet $10 นั่นหมายความว่า calling range ของเรา elastic
และนี่คือภาพที่แสดงสิ่งที่เกิดขึ้น (สังเกตว่า calling frequency ลดลงเมื่อ bet size เพิ่มขึ้น)
ถ้าสิ่งที่กล่าวมายังไม่ชัดเจนพอ: calling range ของเราควร elastic ในเกือบทุกสถานการณ์
Inelastic Calling Range
Calling range จะ inelastic เมื่อการเปลี่ยนแปลงของ bet size แทบไม่ส่งผลกระทบต่อ calling range เลย หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ calling range ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดของ bet size
ตัวอย่าง…ถ้าเราจะ call bet $20 ด้วย range แบบเดียวกับที่เราจะ call bet $10 นั่นหมายความว่า calling range ของเรา inelastic
และนี่คือภาพที่แสดงสิ่งที่เกิดขึ้น (สังเกตว่า calling frequency ไม่เปลี่ยนแปลงแม้ว่า bet size เพิ่มขึ้น)
Player ที่มี inelastic calling range มักเป็นผู้เล่นที่ยังขาดประสบการณ์ เพราะแม้แต่ผู้เล่นมือใหม่ที่เข้าใจก็ยังรู้ว่า hand ที่ควร call ได้นั้นจะขึ้นอยู่กับขนาดของ bet size ที่เราเจอด้วย
Bet Size ที่ใหญ่ขึ้นทำให้ Snowball ของเราใหญ่ขึ้นไปด้วย
ถ้าเราเปรียบเทียบกับ regular player ก็จะเห็นว่ามีผู้เล่นอ่อนๆจำนวนมากที่มี inelastic range ต่อ bet size หลายขนาด
พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ ในขณะที่ regular จะ call small bet บ่อยกว่าที่พวกเขาจะ call big bet (ซึ่งควรจะเป็นไปตามนั้น) ผู้เล่นอ่อนๆบางคนจะ call big bet บ่อยเหมือนกับที่พวกเขา call small bet
เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเจอกับผู้เล่นที่มี inelastic calling range เราก็สามารถปรับการเล่นเพียงเล็กน้อยเพื่อเพิ่มกำไรได้อย่างมากมาย: ใช้ bet size ใหญ่ขึ้นและเน้น value-heavy strategy
ลองดูจากตัวอย่างของ hand นี้:
(โน้ต: ถึงแม้ว่าตัวอย่างนี้มาจาก cash game แต่หลักการเดียวกันก็สามารถใช้ได้กับใน tournament เช่นกัน)
เกม $0.5/$1 Hero raise $3 จาก BTN ด้วย QQ และผู้เล่นที่อ่อนกว่าใน BB call มาด้วย J♥ T♠
Pot ที่ fop $6.50…โดยเราจะปัดขึ้นเป็น $7 เพื่อให้การคำนวณง่ายและชัดเจนขึ้น
บอร์ดเปิดมาเป็น J♠ 7♠ 5♦ 5♥ 8♣
ตอนนี้เราลองมาเปรียบเทียบ 4 วิธีการเล่น hand นี้ (ด้วย bet size ที่แตกต่างกัน) เพื่อดูว่าการเล่นแบบไหนที่จะทำให้ Hero ได้กำไรมากที่สุด:
สถานการณ์ #1: Bet 33% Pot ที่ Flop, Check Turn, Bet 66% Pot ที่ River
ด้วย pot $7 ตรงกลาง Hero c-bet 33% pot ($2.30) และผู้เล่นที่อ่อนกว่า call
ที่ turn, pot $11.60 Hero check back
ที่ river, pot $11.60 Hero bet 66% ($7.60) pot และผู้เล่นที่อ่อนกว่า call
Final pot size: $26.90
สถานการณ์ #2: Bet 33% Pot ที่ Flop, 66% Pot ที่ Turn, 66% Pot ที่ River
ด้วย pot $7 ตรงกลาง Hero c-bet 33% pot ($2.30) และผู้เล่นที่อ่อนกว่า call
ที่ turn, pot $11.60 Hero bet 66% ($7.60) pot และผู้เล่นที่อ่อนกว่า call
ที่ river, pot $27 Hero bet 66% ($17.80) pot และผู้เล่นที่อ่อนกว่า call
Final pot size: $62.60
สถานการณ์ #3: Bet 50% ที่ Flop, 66% Pot ที่ Turn, 66% Pot ที่ River
ด้วย pot $7 ตรงกลาง Hero c-bet 50% pot ($3.50) และผู้เล่นที่อ่อนกว่า call
ที่ turn, pot $14 Hero bet 66% ($11.20) pot และผู้เล่นที่อ่อนกว่า call
ที่ river, pot $36.40 Hero bet 66% ($24) pot และผู้เล่นที่อ่อนกว่า call
Final pot size: $84.50
สถานการณ์ #4: Bet 80% Pot ที่ Flop, 80% Pot ที่ Turn, 80% Pot ที่ River
ด้วย pot $7 ตรงกลาง Hero c-bet 80% pot ($5.60) และผู้เล่นที่อ่อนกว่า call
ที่ turn, pot $18.20 Hero bet 80% ($14.50) pot และผู้เล่นที่อ่อนกว่า call
ที่ river, pot $47.30 Hero bet 80% ($37.85) pot และผู้เล่นที่อ่อนกว่า call
Final pot size: $123
เปรียบเทียบผลลัพธ์แต่ละสถานการณ์
สถานการณ์ #1: +$13.7
สถานการณ์ #2: +$31.45
สถานการณ์ #3: +$42.45
สถานการณ์ #4: +$61.70
โน้ต: ถ้า calling range ของคู่ต่อสู้นั้น inelastic จริงๆ (หรือใกล้เคียง) ความน่าจะเป็นของแต่ละสถานการณ์เหล่านี้ก็จะเท่ากัน (หรือแทบจะเท่ากัน)
ข้อสังเกตบางอย่าง…
การพลาดหนึ่ง value street นั้นส่งผลให้เราชนะกำไรน้อยลงมากกว่าครึ่ง เมื่อเทียบกับการ bet อย่างต่อเนื่อง (สถานการณ์ #1 vs สถานการณ์ #2)
ยิ่งไปกว่านั้น การ bet flop มาขึ้นอีกเล็กน้อยทำให้ final pot ใหญ่ขึ้นกว่า 35% (สถานการณ์ #2 vs สถานการณ์ #3)
และเราจะเห็น (ในสถานการณ์ #4) ว่าผู้เล่นที่สุดยอดจะสามารถเพิ่มผลกำไรได้มากยิ่งขึ้นไปอีก (อีก 45%) ด้วย โดยการใช้ประโยชน์ได้สูงสุดจาก bet size ที่ใหญ่ขึ้นบนทุก street
บทสรุป
คู่ต่อสู้จะไม่มี hand ที่แพ้เราหรือ hand ที่จะ call ได้ตลอดทั้ง 3 street เสมอไป แต่ถ้าเราพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะใช้ bet size อย่างชาญฉลาด เราจะได้เห็น win-rate ที่ใหญ่ขึ้นในระยะยาว การทำกำไรมากขึ้นเพียงเล็กน้อยโดยเฉลี่ยในทุกๆจุดเหล่านี้จะส่งผลได้จริงๆ!
source: https://upswingpoker.com/snowball-winnings-bad-poker-players/