Fold Equity คืออะไร และมีความสำคัญยังไง?

ถ้าคุณเล่นโป๊กเกอร์มาได้สักระยะ น่าจะเคยได้ยินคำว่า fold equity มาบ้าง

ในบทความนี้ ผมจะอธิบายว่า fold equity คืออะไร และทำไมเราถึงควรจะเข้าใจมัน ถ้าเราอยากจะเพิ่มโอกาสชนะให้สูงสุด

Fold Equity คืออะไร?

Fold equity คือโอกาสที่ผู้เล่นจะ fold เมื่อเจอ bet หรือ raise เช่น ถ้ามีโอกาสที่คู่แข่งจะ fold เมื่อเจอ bet ใน pot $100 อยู่ 33% เราจะมี fold equity 33% (เท่ากับ $33) ใน pot นั้น

ถ้าเราเคยคิดว่า โอกาสที่คู่แข่งจะ fold เมื่อเรา bet เป็นเท่าไหร่ จริงๆมันก็คือเราได้นำหลักการไปใช้บนโต๊ะแล้ว (ถึงแม้เราอาจจะไม่รู้ตัว ณ ตอนนั้น)

โน้ต : บางคนอาจจะใช้คำว่า fold equity ในความหมายของสมการนี้แทน คือ

fold equity = [โอกาสที่คู่แข่งจะ fold] x [equity ของแฮนด์คู่แข่ง]

แต่ Upswing Poker ไม่ได้คิดว่ามันเป็นคำจำกัดความที่จะช่วยเราได้มากเท่าไหร่ เลยไม่ได้แปลความในแง่นี้

ทำไม Fold Equity จึงมีความสำคัญ?

Fold equity ช่วยสร้างกลยุทธ์ที่ optimal ในทุก street ถ้าเราไม่มี made hand ที่แข็งแกร่ง เราต้องนำเรื่องของ fold equity มาคิด เพื่อสร้างการตัดสินใจที่จะให้ EV สูงที่สุด

เหตุผลที่สำคัญที่สุดของการใช้หลักการนี้ ก็เพื่อหาการ bluffs ที่มีโอกาสทำกำไรได้ ตัวอย่างเช่น เพื่อให้การ bluff แฮนด์ที่มี equity 0% นั้นได้กำไร เราต้องมี fold equity สูงกว่า สัดส่วน risk-to-reward จาก bet ของเรา เป็นต้น 

สูตรของสัดส่วน risk-to-reward ของคนที่ bet คือ :

สัดส่วน Risk-to-Reward = [Bet Size / (Bet Size + Pot Size ก่อนที่จะ Bet)] x 100

ซึ่งสามารถเขียนเป็นตัวย่อได้ว่า :

สัดส่วน Risk-to-Reward = [B / (B + P)] x 100

ตัวอย่างการคำนวณ Pot Odds

สมมติเรา bet $50 ไปใน pot $100 :

สัดส่วน Risk-to-Reward = [50 / (50 + 100)] x 100

สัดส่วน Risk-to-Reward = 0.33 x 100

สัดส่วน Risk-to-Reward = 33%

ในกรณีนี้ สมมติว่า bluff ของเรามี equity 0% เมื่อโดน call ทำให้ bet $50 ของเราต้องมี fold equity มากกว่า 33% เพื่อให้การ bluff นี้ได้กำไรในระยะยาว

ยิ่งเรามี equity มากเท่าไหร่ เรายิ่งต้องการ fold equity น้อยลง เพื่อให้ bet เรามีกำไร นั่นก็เพราะเรามีโอกาสชนะไม่ใช่แค่ 1 แต่คือ 2 ทาง ไม่ว่าเราจะ made hand หรือ ทำให้คู่แข่ง fold นั่นเอง

ตัวอย่างของ Fold Equity ในทางปฏิบัติ

สมมติเราเล่นถึง turn ใน board T♥ 7♣ 5♠ 2♦ โดยมี pot $100 เรามี open-ended straight จาก 9♣ 8♣ ที่ถืออยู่ และกำลังคิดจะ semi-bluff ไป $50

ถ้าเราตัดสินใจจะ bet ไป $50 เรามีโอกาสชนะอยู่ 2 ทาง :

  1. คู่แข่ง call แล้วเราติด straight ที่ river ที่มีโอกาสเกิดขึ้นประมาณ 18%
  2. คู่แข่ง fold

*การติดคู่ 9 หรือ 8 ก็อาจทำให้เรามีโอกาสชนะได้เช่นกัน แต่ขอไม่นับโอกาสของแฮนด์แบบนี้ เพื่อความง่าย

จากการคำนวณสัดส่วน risk-to-reward ในส่วนที่แล้ว bet size ที่ใช้ ต้องมี fold equity สูงกว่า 33% ถึงจะได้กำไร…

…แต่นั่นคือเมื่อ bluff ของเรามี equity 0% เท่านั้น

ครั้งนี้ เรามี equity (อย่างน้อย) 18% ที่จะชนะเมื่อโดน call ดังนั้น ถ้า fold equity ของเรามีแค่ 20% bet ของเราก็มีโอกาสกำไรแล้ว เพราะเรามีโอกาสชนะ pot อยู่ 38% (จาก fold equity 20% และจาก straight draw 18%)

โน้ต : จำไว้ว่า แม้การคำนวณนี้จะช่วยให้เราเข้าใจ fold equity มากขึ้น แต่ก็ไม่ได้นำตัวแปรหนึ่งมาคิด นั่นก็คือ equity realization อ่าน บทความนี้ เพื่อศึกษาว่า equity realization เกี่ยวข้องกับการเล่นโป๊กเกอร์อย่างไร

สรุปความคิด

fold equity คือเพื่อนรักของเราเมื่อคิดจะ bluff แม้อาจจะมีความแตกต่างเพียงแค่ 2% ระหว่าง สัดส่วน risk-to-reward กับโอกาสการ fold จริงๆของคู่แข่ง แต่ก็มากพอที่จะเปลี่ยนให้ bet จากขาดทุนเป็นกำไรได้

ก่อนจะจากกัน ผมมีการบ้านง่ายๆที่จะช่วยขัดเกลาทักษะการประเมิน fold equity ของคุณให้เฉียบคมยิ่งขึ้น ดังนี้ :

เมื่อไหร่ก็ตามที่เราไม่ได้เล่น ลองสวมบทบาทเป็นผู้เล่นฝั่งใดฝั่งหนึ่ง แล้วลองคิดว่าเราจะมี fold equity ในแต่ละ bet size ที่แตกต่างกัน ประมาณเท่าไหร่ ลองถามคำถามกับตัวเองดู เช่นว่า “การใช้ bet size ที่ใหญ่ขึ้น จะทำให้ fold equity สูงขึ้นด้วยไหม?” หรือ “การใช้ bet size เล็กลง จะมี fold equity เหมือนกับการใช้ size ใหญ่รึเปล่า? เมื่อเวลาผ่านไป เราอาจจะเริ่มคาดการณ์ได้แม่นยำมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบเชิงบวกกับการเล่นของเราได้อย่างมหาศาล

https://upswingpoker.com/fold-equity/