เราอาจจะเคยได้ยินคำว่า “equity realization” มาบ้าง เพราะมันถูกใช้ในหลายๆบทความของ Upswing
แต่ถ้าเราไม่รู้ว่า equity realization หมายถึงอะไร หรือใช้มันยังไง ก็ได้เวลามาเรียนรู้กันแล้ว เนื้อหาบทความนี้จะครอบคลุมเกี่ยวกับหลักการที่สำคัญในเกมโป๊กเกอร์นี้ ที่ส่งผลต่อการเล่นทุกๆแฮนด์ของเรา
แต่ก่อนที่เราจะเข้าใจเรื่องการ realize equity เราต้องเข้าใจเรื่อง raw equity กันก่อน
raw equity คืออะไร?
raw equity คือ เปอร์เซ็นต์ของ pot โดยเฉลี่ย ที่แฮนด์เรามีโอกาสชนะ เมื่อต้องสู้กับ range ของคู่แข่ง โดยมีสมมติฐานให้แฮนด์ทั้ง 2 เล่นไปถึง showdown
ตัวอย่างเช่น ถ้าเราถือ AKs ซึ่งมีโอกาสชนะ 22 ของคู่แข่งตอน showdown อยู่ 50% ก็แปลว่าเรามี raw equity 50%
equity realization คืออะไร?
equity realization คือ the เปอร์เซ็นต์ของ pot ที่แฮนด์เรามีโอกาสชนะ จาก raw equity และตัวแปรต่างๆในการเล่น postflop
หรืออาจจะเรียกได้ว่า มันคือ equity ของเราเมื่อคิดทั้งตอนเราเล่นถึง showdown, โดน bluff, bluff คู่แข่ง ฯลฯ สำหรับผมแล้ว equity ของแฮนด์ที่ realize (ได้รับรู้) แล้ว นั่นคือ equity ที่แท้จริง
ตัวอย่างเช่น สมมติว่าแฮนด์เรามี raw equity 40% เมื่อเจอกับ preflop range คู่แข่ง แต่เมื่อเราตัวแปรตอน postflop มาคิดด้วย (เดี๋ยวเราจะมาลงรายละเอียดกัน) เราประเมินว่า แฮนด์ของเราจะมีโอกาสได้ realize equity นั้นแค่ 75% ของ raw equity ดังนั้น equity จริงๆที่แฮนด์เราได้ realize ก็คือ :
equity realization = .75 * 40% = 30%
แปลว่า แฮนด์ของเรามีโอกาสได้รับรู้ equity ของมันจริงๆแค่ 3 จาก 4 ครั้งของ raw equity ที่เราเชื่อว่าแฮนด์นั้นมีอยู่
จำไว้ว่า การคำนวณ realized equity ของแฮนด์ได้แบบเป๊ะๆนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ ดีที่สุดคือแค่ประมาณเอา โดยเฉพาะตอนเรากำลังเล่นอยู่
วิธีประเมินว่า equity ของแฮนด์เราจะได้ realize เท่าไหร่
นี่คือตัวแปรหลักที่จะส่งผลต่อ equity ของแฮนด์ที่เราจะได้ realize :
- ตำแหน่ง
- ความสามารถในการเล่นของแฮนด์นั้น
- ความลึกของ stack
- Range advantage
- ทักษะ
มาลองศึกษาที่ละตัวว่ามันส่งผลอย่างไร ต่อโอกาสที่ equity ของแฮนด์เราจะได้ realize
1. ตำแหน่ง
แฮนด์ของเราจะมีโอกาสได้ realize equity มากขึ้นเมื่อเรา in position และจะได้ realize equity น้อยลง เมื่อเรา out of position
เมื่อเรา in position เราจะได้เล่นเป็นคนสุดท้ายในทุก street เสมอ ทำให้เราได้รับข้อมูล และการตัดสินใจที่แม่นยำกว่า แปลว่า เรามีโอกาสที่จะ bluff และ value bet ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเราจะมีข้อมูลมากกว่าคู่แข่งอยู่ 1 รอบเสมอ ทำให้เราได้ realize equity ได้มากกว่า
2. ความสามารถในการเล่นของแฮนด์นั้น
มีกฎอยู่ 3 ข้อเกี่ยวกับความสามารถในการเล่นของแฮนด์นั้น ที่สัมพันธ์กับ equity realization คือ :
- ยิ่งแฮนด์ strong ยิ่ง realize equity ได้มาก
- ยิ่งไพ่ 2 ใบใกล้กัน ยิ่ง realize equity ได้มาก
- แฮนด์ที่เป็น suited จะได้ realize equity มากกว่า แฮนด์ที่เป็น offsuited อย่างมหาศาล
กฎข้อแรกนั้นชัดเจนอยู่แล้ว เมื่อเรามีแฮนด์ที่ strong เช่น AA หรือ AKs เราจะได้เล่นถึง showdown บ่อย ทำให้มีโอกาสได้ realize equity แบบเต็มๆได้มาก
และนี่คือคำอธิบายของกฎ 2 ข้อหลัง : ยิ่งแฮนด์เราใกล้กันและเป็น suited ทำให้แฮนด์เรายิ่งมีโอกาส flop มาติดอะไรบางอย่างที่ทำให้มี equity สูง เช่น straight, flush, open-ended straight draw, gutshot, flush draw หรือแม้แต่ backdoor draw เมื่อเรา flop ติดอะไรที่ทำให้เรามี equity สูง เราก็มีโอกาสที่จะได้เล่นถึง showdown และได้ realize equity ของเรามากขึ้นนั่นเอง
จากภาพตัวอย่างข้างล่างต่อไปนี้ จะเห็นได้ว่า 76s จะ flop ติดบางอย่างได้บ่อยกว่า offsuit (ได้มาจากการวิเคราะห์ของซอฟต์แวร์ Flopzilla) :
76s จะติดอะไรบางอย่างที่ flop 62.4% ขณะที่ 76o จะติด flop ประมาณ 55.9% ทำให้ต่างกันอยู่ 6.5% นั่นก็เพราะ 76s มีโอกาส flop ติด flush draw ได้มากกว่าเยอะ และมีโอกาส flop มาติด flush เลยได้บางครั้ง
ส่วนตัวอย่างนี้เป็นการเทียบ suited connector กับ suited gapper คือ 87s เจอกับ 85s เพื่อดูว่าความใกล้กันส่งผลขนาดไหน :
จะเห็นว่า 87s ติด flop ประมาณ 62.4% เมื่อเทียบกับ 57.1% ของ 85s ทั้งคู่มีโอกาส flop ติด straight หรือ straight draw ได้ แต่ความห่างที่น้อยกว่าของ 87s ทำให้มันมีโอกาสเกิดมากกว่า (26.2% เทียบกับ 85s ที่มีอยู่ 18.8%)
3. ความลึกของ stack
The rule of thumb here is that the higher is, the more equity the player in-position will realize. The opposite is true for the player.
กฎง่ายๆสำหรับเรื่องนี้ก็คือ ยิ่ง stack-to-pot ratio (SPR) สูงเท่าไหร่ ผู้เล่นที่ in position ก็จะยิ่ง realize equity ได้เยอะขึ้น และเช่นเดียวกันในฝั่งตรงข้ามกับผู้เล่นที่ out of position
นอกจากนี้ แฮนด์ที่เป็น suited และ connect กัน ก็มีโอกาสจะได้ realize equity ได้มากกว่า เมื่อมี SPR ที่สูงกว่า เพราะมีโอกาสจะได้กิน pot เยอะกว่าโดยเฉพาะ เมื่อได้ติดแฮนด์ใหญ่ๆ
4. Range advantage
ผู้เล่นคนไหนที่มี range ที่ strong กว่า จะมีโอกาสได้ realize equity มากกว่า เพราะเขาสามารถเล่นแบบ aggressive ได้ จนถึงจุดต่ำสุดของ range ทำให้ผู้เล่นอีกฝ่ายต้อง fold มากขึ้นกับแฮนด์กลางๆ
ตัวอย่างเช่น ถ้าเรา defend จาก BB เราจะมีโอกาสได้ realize equity เมื่อเจอกับผู้เล่นที่ raise จาก BTN ได้มากกว่า ผู้เล่นจาก UTG (เพราะ range ของ BTN ไม่ strong เท่า UTG) เป็นต้น
5. ทักษะ
สำหรับตัวแปรนี้ จะมีอยู่ 2 ส่วน คือ :
5.1 ทักษะของคู่แข่ง
โดยดูจากความถี่ และความมีประสิทธิภาพที่คู่แข่งของเรา นำความกดดันมาใช้ตอน flop, turn และ river ได้ดีแค่ไหน
เช่น ถ้าเขาไม่ c-bet บ่อยพอตอน flop เราก็จะได้ realize equity ได้มากกว่า เมื่อเทียบกับต้องเจอกับคู่แข่งที่ดุดัน ที่ c-bet บ่อยกว่า
5.2 ทักษะของเราเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
ถ้าเรารู้จังหวะที่ต้อง call, fold หรือ raise อย่างถูกต้อง เราก็จะได้ realize equity มากขึ้น แต่ถ้าเราเล่น action เหล่านั้นอย่างผิดพลาด equity realization ของเราก็จะลดลงอย่างมาก
หากเรารู้วิธีที่จะ exploit คู่แข่ง มันก็ยิ่งช่วยเราได้ ดังนั้น นอกเหนือจากการรู้ว่าต้องตัดสินใจในเชิงทฤษฎีอย่างถูกต้องอย่างไรแล้ว ถ้าเราเข้าใจกลยุทธ์ของคู่แข่ง และใช้กลยุทธ์การตอบโต้ได้อย่างเหมาะสม เราก็จะสามารถ realize equity ได้มากขึ้นกว่าการที่เราแต่กลยุทธ์ตามทฤษฎีเป๊ะๆเท่านั้น
บทสรุป
equity realization คือหนึ่งในหลายหลักการสำคัญที่คนที่อยากเป็นโปรโป๊กเกอร์จำเป็นต้องรู้ หากเรารู้และเข้าใจ มันจะช่วยให้เรามีทิศทางในเกมที่ถูกต้องและทำกำไรได้มากขึ้น เมื่อเรารู้จักพัฒนาการเล่น และหลีกเลี่ยการ call ที่ทำให้ EV เป็นลบ ที่อาจจะเคยทำมาก่อนในช่วง preflop
ที่สำคัญกว่านั้น คือไม่ใช่แค่อ่านบทความนี้แล้วจบ แต่เราต้องทบทวนหลักการนี้ด้วยตัวเอง เพื่อให้เข้าใจได้ดีขึ้น จุดประสงค์ของบทความนี้เพียงแค่ต้องการพาพวกเรามาแนะนำถึงหลักการเบื้องต้น เพื่อให้เราได้มีแผนที่ให้เราได้เดินตามในการศึกษาส่วนตัวเท่านั้น ขอให้ทุกคนตั้งใจศึกษากันต่อไป