7 เทคนิคเล่นโป๊กเกอร์ทัวร์นาเมนต์ให้เข้ารอบลึกๆได้บ่อยๆ

เล่นทัวร์แล้วตกบ่อย ตกเร็ว จริงๆแล้วคุณกำลังทำอะไรผิดไปอยู่หรือเปล่า ลองมาอุดรอยรั่วไปด้วยกันสิ

“เทคนิคเล่นโป๊กเกอร์ทัวร์นาเม้นต์” ดูเหมือนจะเป็นคำที่ถูกค้นหาใน google เป็นจำนวนมาก เราเดาเอาว่าผู้เล่นส่วนมากแล้วมักจะมองหาเทคนิคง่ายๆที่สามารถอ่านแล้วเอาไปใช้ได้อย่างรวดเร็วก่อนที่การแข็งขันจะเกิดขึ้น แต่เมื่อเราลองหาคำๆนี้ดูบ้างกลับพบว่าเราไม่ได้เจอข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากนัก แถมบ้างข้อมูลก็ช่างล้าหลังเอาเหลือเกิน

ดังนั้นเราจะมาบอกเทคนิคเล็กๆน้อยๆด้วยกันทั้งหมด 7 ข้อ ให้เป็นแนวทางกลยุทธ์ในการเล่นโป๊กเกอร์ทัวร์นาเม้นต์สำหรับผู้เล่นทุกระดับเลย

เคล็ดลับข้อที่ 1 : ขโมยบ่อยๆ แต่อย่าเล่นใหญ่เกินไป

                “เปิดเดิมพันน้อยๆแต่บ่อยครั้ง” อันนี้เป็นประโยคที่เราเห็นได้บ่อยมากๆ เป็นกลยุทธ์ pre-flop มานานหลายปีแต่ก็ยังพอใช้การได้อยู่

                เมื่อมี antes ในการแข่งขันด้วย การเปิดเดิมพันประมาน 2.25BB จะทำให้ได้ผลกำไรทันที (อันนี้ไม่ได้รวมถึงความสามารถในการเล่น post-flop ด้วยนะ) ตัวอย่างเช่น

บนโต๊ะทัวร์นาเม้นต์ 9 คน Blinds 500/1,000/100

Gary อยู่ในตำแหน่ง button ด้วยไพ่ 10♠ 4♠

ผู้เล่นทุกคน fold หมด Gary raises ไปที่ 2,200

                ใน pot มีเงินอยู่ทั้งหมด 2,400 แล้วทั้ง blinds และ antes และ Gary กำลังนำเงินของตัวเอง 2,200 เข้าไปเสี่ยงเพื่อที่จะได้มันกลับมา ซึ่งหมายความว่าการเปิดเดิมพันของ Gary นั้นจะประสบความสำเร็จและสร้างผลกำไรทันที 47.5% ของทั้งหมด

                ถ้าหากผู้เล่นในตำแหน่ง blind เป็นผู้เล่นแบบ aggressive มันก็ดูมีเหตุผลหรือโอกาสมากทีเดียวที่เขาจะ call ตามมา โดยผู้เล่นในตำแหน่ง small blind 10-15% (มักจะ 3-bet ด้วย) และตำแหน่ง big blind อีกประมาน 40%

                แต่ถ้าผู้เล่นในตำแหน่ง big blind เป็นคน tight หน่อย ที่สามารถ fold Q5s หรือ K7o ต่อการเปิดเดิมพันของคุณได้ การ raise 72o ก็อาจจะสามารถสร้างกำไรให้คุณได้ในทันที

                การเปิดเดิมพันน้อยๆแต่บ่อยสามารถใช้งานได้ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับตำแหน่ง late position เนื่องจากในตำแหน่ง early position หรือ middle position ไพ่ส่วนใหญ่ที่คุณจะเล่นนั้นจะตัดสินใจระหว่าง เปิดการเดิมพัน หรือ หมอบ (ซึ่งส่วนมากแล้วผู้เล่นมักจะเปิดการเดิมพันด้วย AQ และหมอบไพ่อย่าง 75o ในทุกๆตำแหน่งโดยไม่มีการลังเล) คุณสามารถขยับ range ไพ่สำหรับเปิดการเดิมพันของคุณได้มากยิ่งขึ้นก็ต่อเมื่อคุณมีผู้เล่นที่อยู่หลังคุณน้อยลงเท่านั้น ณ จุดนี้คุณจะต้องมีทักษะการคำนวนที่ดีพอสมควรและคุณจะต้องรู้ด้วยว่าไพ่แบบไหนที่คุณคาดหวังให้คู่ต่อสู้ของคุณ call ตามมา

                คำแนะนำก็คือให้ศึกษาตารางไพ่ที่เหมาะแก่การเปิดเดิมพันสำหรับทุกๆตำแหน่ง แต่เมื่อมาถึงตำแหน่งท้ายๆให้คุณให้ความสำคัญไปที่คู่ต่อสู้ของคุณแทนว่าควรจะเปิดเดิมพันด้วยไพ่ประมานไหนดี ถ้าเจอแต่ผู้เล่นในตำแหน่ง blinds มันก็ไม่ผิดนักที่คุณจะเล่นไพ่อะไรก็ได้ที่คุณคิดว่าดี แต่ถ้ามีผู้เล่นในตำแหน่งอื่นๆด้วยการเล่นไพ่ที่มีความสามารถที่จะเล่นได้ก็เป็นเรื่องที่ควรนึกถึง

เคล็ดลับข้อที่ 2 : ปกป้อง big blind ของคุณให้มาก

                อันนี้เป็นเทคนิคที่สำคัญมากๆที่คุณจะได้ไปในบทความนี้ (หรือว่าคุณอาจจะรู้อยู่แล้วก็เถอะ) เมื่อข้อที่แล้วเราเพิ่งเรียนรู้กันไปว่าการเปิดเดิมพันน้อยๆนั้นมันใช้ได้ผลประมานครึ่งนึงจากทั้งหมดเท่านั้นเอง

                ในตำแหน่ง big blind คุณจะต้องปกป้องเงินของคุณและสิ่งที่ต้องพยายามก็คือหยุดผู้เล่นคนอื่นไม่ให้ raise บ่อยเกินไป ปัยจัยที่จะช่วยให้คุณสามารถปกป้องเงิน blind ของคุณได้นั้นก็คือ คุณมี pot odds ที่ดี

                เหมือนในตัวอย่างด้านบน เมื่อ Gary raise มา 2,200 ทำให้เงินใน pot ตอนนี้มีอยู่ 4,600 แล้ว และผู้เล่นในตำแหน่ง big blind นั้นต้องเพิ่มเงินเดิมพันเพียง 1,200 เพื่อตามไปดูไพ่ในรอบ flop สร้างความได้เปรียบในการ call ตามไป 20.6%

                ถึงแม้จะเป็นไพ่อย่าง 72o ก็อาจจะดีกว่า range ไพ่ที่ผู้เล่นในตำแหน่ง button นำเข้ามาเล่นก็ได้ เพราะฉะนั้นนี้หมายความว่าคุณสามารถเล่นไพ่ได้ทุกใบเลยใช่มั้ย ถ้ามี pot odds ที่ดี คำตอบคือ ไม่ ไม่ใช่อย่างแน่นอน อย่าลืมว่าคุณยังมี post-flop รออยู่ มีค่า showdown ที่รออยู่ด้วย การจะไปถึง showdown ด้วยไพ่ 72o ก็ดูจะเป็นอะไรที่ไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากคุณจะต้องเผชิญหน้ากับ post-flop ที่ไม่รู้จะเป็นยังไง คาดเดาไพ่ที่จะออกมาในแต่ละตาก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้นจึงไม่มี range ไพ่ที่เหมาะที่สุด ดีที่สุดสำหรับการป้องกัน blind แต่คุณสามารถคาดคะเน range ไพ่ได้นะ

                วิธีที่ดีในการคาดคะเน range ไพ่ป้องกันก็คือ เลือกไพ่ที่อยู่ใกล้ๆกันไพ่ที่ใช้เปิดดการเดิมพัน ซึ่งหมายความว่า ถ้าคู่ต่อสู้ของคุณเปิดการเดิมพันจากตำแหน่ง late position คุณจะมี range ไพ่สำหรับป้องกันอย่างน้อย 40% หรือถ้าคุณเป็นผู้เล่นที่แข็งหน่อยหรือว่าผู้เล่นที่เปิดการเดิมพันไม่ค่อยเก่งนัก คุณก็อาจจะมี range ไพ่เอาไว้ป้องกันได้เยอะมากขึ้น หรือการ flat call ด้วยไพ่ที่มีความสามารถในการเล่นในรอบ post-flop อย่างเช่นไพ่ 97s ซึ่งอาจจะดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็สามารถสร้างกำไรจากการเผชิญหน้าการเปิดการเดิมพันจากผู้เล่นในตำแหน่ง late position ได้

                ถ้าคุณรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นักที่จะต้องเล่นไพ่ range ที่กว้างขึ้น มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าอับอายเลยนะที่จะเล่นให้แคบลงกว่าคนอื่นเขา แต่ขอให้มั่นใจว่าจะไม่หมอบไพ่อย่าง 86s QTo เมื่อมีคนเปิดการเดิมพันมาแค่คนเดียว โดยปกติแล้วถ้าเราเจอคู่ต่อสู้ที่ไม่แข็งนัก เราเล่นไพ่เกือบจะทุกไพ่เพื่อป้องกัน blind เลย แต่ถ้าเจอผู้เล่นอย่าง Fedor Holz ก็อาจจะต้องหมอบไพ่อย่าง Q7o 32s

                สำหรับ pot ที่มีผู้เล่นเข้าร่วมหลายๆคน อาจจะทำให้คุณมี pot odds ที่ดีขึ้นไปอีกเพราะมีเงินกองกลางเพิ่มมากขึ้น แต่อีกทางนึงก็จะทำให้คุณเล่นได้ยากมากขึ้น ในเกมที่มีคู่ต่อสู้แค่คนเดียว การมี 1 คู่อาจจะทำให้คุณชนะในเกมนั้นได้ อย่างเช่น คุณถือ K6 เผชิญหน้ากับผู้เล่นในตำแหน่ง button และ flop ออก 8 6 2 แน่นอนว่าคุณอาจจะถือไพ่ที่ดีอยู่ในมือ แต่ถ้าเป็นเป็นบอร์ดเหมือนเดิมแต่มีผู้เล่นในเกมนี้ 4 คน ก็คงจะต้องมีการถกเถียงกันแล้วว่าไพ่แบบนี้จะสามารถ call ตามการ c-bet ได้หรือไม่

                ถึงแม้การเล่นหลายๆคนจะทำให้ pot odds คุณดีมากขึ้น แต่คุณจำเป็นจะต้องเลือกไพ่ที่จะเอาไปป้องกันให้พิถีพิถันมากยิ่งขึ้น ไพ่แบบไหนจะเล่นได้ดีใน pot แบบนี้ เกมแบบนี้ คุณยังสามารถ call ตามไปป้องกันด้วยไพ่ suited ต่างๆหรือไพ่อย่าง JTo แต่ให้หลีกเลี่ยงไพ่ที่เล่น flop ไม่ดีอย่างเช่น Q7o เพราะไพ่แบบนี้ติดคู่ก็เป็นคู่ที่ไม่แข็งนักและมีโอกาสไปถึง showdown ได้ยากมาก การป้องกัน blind ในเกมที่มีผู้เล่นหลายคนสิ่งที่สำคัญพื้นฐานก็คือทำให้ตัวคุณเองตัดสินใจได้ง่าย การป้องกัน blind ด้วยไพ่ offsuit ที่มีช่องว่างของไพ่กว้างๆจะทำให้คุณตัดสินใจยากและตกอยู่ในสถานการณ์ที่แสนยุ่งเหยิง

เคล็ดลับข้อที่ 3 : ระวัง 4-bet shoves เมื่อ stack ลึก 25-40 BB

                อย่างแรกเลยในการเล่นทัวร์นาเม้นต์ stack ขนาดประมาน 25-40BB คุณมักจะ 3-bet bluff ได้แย่กว่าการ flat call ในสถานการณ์เดียวกัน ตัวอย่างเช่น

บนโต๊ะทัวร์นาเม้นต์ ที่มี stack 35BB

คุณอยู่ในตำแหน่ง cutoff ด้วยไพ่ 2 ใบ

ผู้เล่นในตำแหน่ง middle position เปิดการเดิมพัน 2.2BB คุณตัดสินใจ 3-bet 6.2BB

                ไพ่ที่จะสามารถ 3-bet ได้ดีในสถานการณ์นี้ อย่างเช่น K♠9♠, K♦J♠ และ A♦7♦. เพราะว่าคุณมีตัว block ที่ดี (ทำให้คุณมั่นใจได้ในระดับนึงว่าคู่ต่อสู้ของคุณอาจจะไม่สามารถเล่นต่อได้) และการ call ตามด้วยไพ่เหล่านี้ก็ดูไม่ค่อยมีผลอะไรเท่าไหร่ ถ้าคุณถูกบีบด้วยการ 4-bet อีกรอบ การที่คุณหมอบไพ่อย่าง K♠9♠ ก็ไม่ได้เป็นอะไรที่น่าอับอายอะไร แต่ถ้าคุณถูกบีบให้หมอบไพ่อย่าง K♥Q♥ มันเหมือนคุณเอาไพ่ที่มีความได้เปรียบมากๆไปโยนทิ้ง

                เทคนิคนี้จะเห็นผลมากๆกับผู้เล่นทั่วๆไปจากการโดน 4-bet shove ใช้ไพ่สูงๆที่มีตัว block ดีๆเพราะมันสำคัญมากๆที่จะช่วยให้ผู้เล่นที่เปิดเดิมพันมาก่อนคุณ ลดโอกาสในการ shove ลง ถ้าเผชิญหน้ากับผู้เล่นมือใหม่โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่ call บ่อยๆ การ 3-bet ด้วยไพ่อย่าง K♥Q♥ ถือว่าเป็นจังหวะที่ดีมาก ถ้าเขายังจะเล่นต่ออีกและไม่เคย 4-bet ด้วยไพ่เจ๋งๆ แข็งๆเลย คุณก็สามารถที่จะ 3-bet เพื่อสร้างมูลค่าได้เล็กน้อย

                สรุปก็คือ ถ้าเจอผู้เล่นที่แข็งหน่อยหรือผู้เล่นที่ aggressive หน่อยให้เลือกไพ่ที่มี blocker ที่ดีหน่อยในการ 3-bet แต่ถ้าเจอผู้เล่นที่ไม่แข็งก็สามารถ 3-bet เพื่อเพิ่มมูลค่าได้กว้างมากยิ่งขึ้น

เคล็ดลับข้อที่ 4 : deep stack หรอ ? 3-bet เหมือนเล่น cash game เลย

                ทุกๆอย่างในเกมจะเปลี่ยนไปค่อยข้างมากเมื่อ stack เข้าใกล้ 100BB และวิธีการ 3-bet ที่ถูกต้องก็คล้ายๆกับการเล่น cash game เลย เมื่ออยู่ใน deep stack คู่ต่อสู้วของคุณจะถูกจูงใจให้เล่นต่อมากขึ้นถึงแม้ว่าจะเจอการ 3-bet ก็ตาม ซึ่งจะทำให้คุณตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากในบางครั้งด้วยไพ่กลางๆ

                เมื่อคุณ 3-bet ด้วยไพ่ Q♣J♦ stack 35BB ตอนนี้คุณยังไม่ต้องกังวลมากเลย เพราะหลังจาก 3-bet ไป คุณยังเหมือนอยู่อีกเกือบ 2เท่าของที่ลบไป ถ้าติด top pair คุณก็เล่นต่อได้และรอผู้เล่นที่ไพ่แย่กว่าจ่ายคุณ แต่ถ้า 3-bet ด้วยไพ่เดิม แต่ 100BB ถึงจะติด top pair บนบอร์ดจริงๆ คุณก็จะรู้สึกว่าสถานการณ์นี้มันไม่ค่อยดีเลย ถ้าต้องเผชิญหน้ากับผู้เล้นที่ถือ KJ หรือว่าดีกว่านั้น และด้วยเหตุผลนี้คุณควรจะ 3-bet ด้วยไพ่ที่อยู่ใน range polarized หลีกเลี่ยงไพ่อย่าง QJo ATo

                ถ้าเผชิญหน้ากับผู้เล่นที่ไม่แข็ง บางครั้งอาจจะ 3-bet ด้วยไพ่ใน range linear เดิมพันเพิ่มมูลค่าเล็กๆน้อยๆและหลีกเลี่ยงการ bluff ถ้ามีตำแหน่งที่นั่งที่ดีกว่าให้พยายามเข้าไปเล่นให้บ่อย 3-bet ด้วยไพ่ที่มีความสามารถในการเล่นที่ดี อย่างเช่น JTs 87s Q9s และโยนพวกไพ่ 53s QJo ทิ้งออกไปด้วย

เคล็ดลับข้อที่ 5 : อย่า c-bet ทุกรอบ

                ไม่กี่ปีที่แล้วผู้เล่นใช้ความคิดน้อยเวลาที่จะต้องตัดสินใจอะไร พวกเขามักจะ c-bet เกือบจะทุก flop เพราะการ c-bet ครึ่ง pot จะสามารถทำกำไรคืนกลับมา 33.3% แต่ในยุคสมัยนี้พวกเขาเริ่มสนใจและให้ความสำคัญต่อการตัดสินใจในสิ่งต่างๆมากขึ้น การ check-raise ได้รับความนิยมและถูกใช้ให้เป็นประโยชน์มากขึ้น พวกเขาจะไม่ bluff ในจุดที่ไม่ควรทำอีกแล้ว

                ลองตอบคำถาม 4 ข้อนี้ เมื่อคุณเห็น flop ดู

  • ไพ่ใน range ของผู้เล่นคนไหนจะเหมาะที่สุดใน flop แบบนี้
  • ใครที่น่าจะมีไพ่ที่ดีที่สุดตอนนี้
  • ในสายตาคู่ต่อสู้ range ไพ่ของคุณเป็นยังไง
  • Range ไพ่ของคู่ต่อสู้คุณเป็นยังไง

                เราไม่ได้มองหาคำตอบที่ซับซ้อนหรือสมบูรณ์แบบ เพราะมันไม่ได้มีเวลาเยอะแยะมากมายขนาดนั้นเวลาที่คุณเล่นอยู่ เพราะฉะนั้นหาคำตอบอย่างง่ายๆ ด้วยความสมเหตุสมผล ยกตัวอย่างเช่น

บนโต๊ะทัวร์นาเม้นต์ ที่มี stack 15,000 Blinds 50/100

คุณอยู่ในตำแหน่ง UTG ด้วยไพ่ 2 ใบ

คุณ raise 300 มีผู้เล่นในตำแหน่ง BB call คนเดียว

Flop (650) T♥ 8♦ 6♠

BB check แล้วคุณล่ะ….?

                ความคิดทั่วไปของผู้เล่นมักจะขึ้นอยู่กับไพ่ที่เขานั้นถืออยู่ ถ้าเขามี AA ก็มักจะคิดว่า “ฉันจะต้องป้องกันไพ่คู่นี้ของฉัน ฉันจะต้องได้มูลค่าจากมันบ้าง เพราะฉะนั้นจะต้องเดิมพันเพิ่ม” ถ้าเขาถือ AK เขาอาจจะยอมแพ้หรือว่าอาจจะยิงเดิมพันสักครั้งนึง เพราะมันยังถูกอยู่ยังพอไหว และไม่ว่าคุณจะคิดแบบไหนก็ขอให้ลองตอบคำถามเมื่อสักครู่ก่อนทั้ง 4 ข้อ

คำถาม : ไพ่ใน range ของผู้เล่นคนไหนจะเหมาะที่สุดใน flop แบบนี้

คำตอบ : big blind จากตำแหน่งที่นั่งของคุณ คุณอาจจะถือ overpairs อยู่บนมือหรือเป็นไพ่สูงๆทั้งนั้นซึ่งน่าจะพลาดทั้งคู่สูง คู่กลางหรือใดๆใน flop นี้ และตำแหน่ง BB มี range ไพ่ในการ falt call กว้างมาก ทำให้ผู้เล่นในตำแหน่ง BB ค่อนข้างได้เปรียบใน flop นี้

คำถาม : ใครที่น่าจะมีไพ่ที่ดีที่สุดตอนนี้

คำตอบ : คู่ต่อสู้ของคุณ ถึงแม้ว่าคุณทั้งสองคนอาจจะมีโอกาสมี set เท่าๆกัน แต่คู่ต่อสู้ของคุณมีโอกาสที่จะมี straight 2คู่ ในขณะที่คุณนั้นไม่มีโอกาสตรงนั้นเลย การถือ overpair ไม่ใช่ไพ่ที่ดีที่สุดในสถานการณ์นี้ คุณคงจะไม่เทเงินที่เหลืออีก 14,700 ลงไปใน pot 650

คำถาม : ในสายตาคู่ต่อสู้ range ไพ่ของคุณเป็นยังไง

คำตอบ : จากตำแหน่งนี้เห็นได้ชัดเลยว่าไพ่ในมือของคุณนั้นจะต้องเป็นพวกไพ่คู่หรือว่าคอมโบไพ่สูงๆ (ATs AJo)

คำถาม : Range ไพ่ของคู่ต่อสู้คุณเป็นยังไง

คำตอบ : นี่อาจจะเป็นตำถามที่ตอบยากที่สุดแล้ว ถ้าคุณไม่มีทักษะในการอ่านไพ่ เพราะว่าผู้เล่นบางคนก็พยายามขยันป้องกัน blind ของตนเอง แต่ก็ไม่ผิดอะไรที่คุณจะคาดเดาไปว่าเขามีไพ่ที่หลากหลายกว่า อาจจะมี gutshot 1คู่ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่มากกว่าคุณ

                อิงตามคำตอบข้างบน เราก็สามารถที่จะหาข้อสรุป ข้อสังเกตได้ 2 ข้อ

                1.ตำแหน่ง BB มีโอกาสที่จะมีคอมโบที่เป็นไพ่ที่ดีที่สุดโดยที่คุณไม่มี ซึ่งทำให้คุณเสี่ยงต่อการโดน check-raise หรือยิงเดิมพันอีกทีนึง เพราะผู้เล่นที่แข็งพอจะมองการ c-bet ของคุณออกและลงโทษคุณด้วยการเดิมพันกลับมา เพราะฉะนั้นคุณอาจจะลองพิจารณาการ check กลับไปแทน

                2.ส่วนมากแล้ว range ไพ่ในตำแหน่ง BB จะสามารถ call ตามการเดิมพันได้ครั้งนึง ดังนั้นความคิดที่จะ c-bet ลอยๆแล้วหมอบเป็นทางเลือกที่ไม่ดีเลย คุณควรจะ check กลับไปในบางครั้งที่คุณไม่ติดอะไรเลย และเลือกยิงเดิมพันเพื่อ bluff สำหรับไพ่ที่มีหลายๆ out อย่างเช่น Q♦J♦ หรือว่าคุณอาจจะเลือก check กลับไปด้วยไพ่กลางๆอย่างเช่น T♦9♦ หรือ 9♠8♠ ก็ได้ เพราะ range ไพ่การ check ของคุณทำให้คู่ต่อสู้ไม่สามารถ bluff ในรอบ turn ได้

                เราก็ได้บทสรุปของกลยุทธ์กันแล้วโดยที่ไม่ต้องใช้โปรแกรมอะไรเลย ถ้าคุณฝึกใช้บ่อยๆ ถามตัวเองบ่อยๆกับคำถามทั้ง 4 ข้อนี้ ในอนาคตคุณจะสามารถคิดแผนการเล่นของคุณได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ

เคล็ดลับข้อที่ 6 : มีแผนอยู่ในหัวเสมอ

                เทคนิคนี้จะไปควบคู่กับเทคนิคข้อที่แล้ว ก่อนที่คุณจะตัดสินใจ ไม่ว่าจะ pre-flop flop turn หรือ river คุณควรจะมีแผนคร่าวๆอยู่ในใจก่อนว่าจะเล่นยังไงในรอบไหนบ้าง และนี่ก็ไม่ได้หมายถึงคุณจะต้องจำลองความน่าจะเป็นทั้งหมดออกมาเวลาเล่น อันนี้เป็นการคิดคร่าวๆเพื่อไม่ให้คุณอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่เท่านั้นเอง

                เราจะย้อนกลับไปดู flop ที่แล้วกัน คือ T♥ 8♦ 6♣ และสมมุติว่าคุณถือ Q♥ J♥ อยู่บนมือ ก่อนที่คุณจะลงเดิมพันลงไป คุณจะต้องถามตัวเองก่อน 2 คำถาม คือ

  • คุณจะทำยังไง ถ้าคู่ต่อสู้ raise กลับมา
  • ไพ่อะไรในรอบ turn ที่จะทำให้คุณยิงเดิมพันอีกรอบได้

                การถามตัวเองด้วยคำถามทั้ง 2 ข้อนี้ จะทำให้คุณวางแผนการเล่นล่วงหน้าไปหนึ่งก้าวและจะช่วยให้คุณหลีกหนีสถานการณ์ยากๆได้อีกด้วย จากตัวอย่างเมื่อกี้เราจะลองมาตอบคำถาม 2 ข้อนี้กัน

คำถาม : คุณจะทำยังไง ถ้าคู่ต่อสู้ raise กลับมา

คำตอบ : หมอบ ยกเว้นแต่คู่ต่อสู้ raise มาน้อยๆหรือขนาดเดิมพันที่จะเล่นต่อได้โดยยังไม่กำไรอยู่  มันไม่ได้อยู่ที่ไพ่บนบอร์ดในรอบ flop ว่าจะเข้ามือคู่ต่อสู้มากกว่าเรา แต่โดยส่วนตัวแล้วเราจัดไพ่คู่นี้ไว้ใน range (semi)bluff ซึ่งการเล่นโป๊กเกอร์โดยปกติแล้วก็ต้องรู้จักหมอบหรือลงเดิมพันอยู่แล้ว และส่วนสำคัญก็คือไพ่แบบไหนถึงจะเหมาะสม

คำถาม : ไพ่อะไรในรอบ turn ที่จะทำให้คุณยิงเดิมพันอีกรอบได้

คำตอบ : เมื่อไพ่รอบ turn เป็น อะไรก็ได้ หรือ A K Q J 9 แต่ถ้าไม่มีอะไรตกก็อาจจะ check เพื่อรอ free card ใบต่อไป คู่ต่อสู้อาจจะถือ 98 บนมือ และถ้าเราติดรอบ river เราก็อาจจะชนะ

เคล็ดลับข้อที่ 7 : เรียนรู้การเล่นตัวต่อตัว

                การจ่ายเงินรางวัลในการแข่งขันโป๊กเกอร์ทัวร์นาเม้นต์นั้นก็แตกต่างกันไปตามเว็บไซต์หรือโครงสร้างของโต๊ะนั้นๆ แต่ผู้เล่นที่ชนะนั้นมักจะได้รับเงินรางวัลมากที่สุดอยู่แล้ว อย่างการเล่นทัวร์นาเม้นต์ออนไลน์ที่ต้องจ่าย buy-in $20 แต่การับตีรางวัล $10,000 ผู้ที่ชนะโปรแกรมนี้ก็จะได้เงินรางวัลประมาน $2,500 และผู้เล่นที่เหลืออาจจะได้ $1,500 ซึ่งความแตกต่างของที่ 1 และที่ 2 นั้นอยู่ที่ 50 buy-in เลยทีเดียว

                อาจจะเกิดข้อสงสัยขึ้นว่าทำไมจะต้องฝึกเล่นตัวต่อตัวด้วยล่ะ เพราะในการเล่นทัวร์นาเม้นต์ไม่ค่อยเจอสถานการณ์แบบนี้เลย และถ้าเจอก็หมายความว่าคุณได้เข้ารอบลึกๆแล้ว อาจจะได้รับรางวัลการันตีแล้วด้วย อย่างไรก็ตามถ้าคุฯไม่สามารถมีโอกาสที่จะชนะการแข่งและเป็นที่หนึ่งได้ คุณก็อาจจะไม่มีโอกาสที่จะเป็นผู้ชนะได้อีกเลย การเข้าไปสู้ในรอบลึกๆที่ต้องเจอสถานการณ์แบบตัวต่อตัวบ่อยๆอาจจะเจอไม่กี่ครั้งต่อการแข่งหนึ่งร้อยครั้งมักเป็นตัวกำหนดกำไรสุทธิที่คุณจะได้ในเดือนนั้นๆ ยิ่งสนามทัวร์นาเม้นต์นั้นใหญ่มากแค่ไหน buy-in ที่เสียไปมากเท่าไหร่ คุณก็จะต้องมั่นใจมากขึ้นเท่านั้นว่าถึงเวลาเผชิญหน้าแบบตัวต่อตัวแล้วคุณสามารถเล่นดีกว่าผู้เล่นอีกคนนึง

            ดังนั้นการศึกษาและฝึกซ้อมการเล่นตัวต่อตัวจะทำให้การเล่น post-flop คุณดีขึ้นและเล่นไพ่ได้กว้างมากยิ่งขึ้น ความสามารถเล่นไพ่ได้กว้างขึ้นในทุกๆตำแหน่งมีประโยชน์ต่อการเล่นทัวร์นาเม้นต์ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเล่นในตำแหน่ง BB และเผชิญหน้ากับผู้เล่นที่เปิดการเดิมพันในตำแหน่ง late position และข้อแนะนำอีกอันก็คือควรจะเล่นและฝึกฝนในเกมเล็กๆที่คุณมั่นใจว่าจะไม่กระทบต่อตัวเงินของคุณ เพื่อที่จะให้ตัวคุณเองมีสมาธิกกับการเล่นให้มากที่สุด

Source : https://upswingpoker.com/poker-tournament-tips-strategy-mtt/