ในเกม No-Limit Hold’em คำว่า “Slow Play” นั้น ไม่ได้หมายถึงผู้เล่นที่ตัดสินใจนาน และเล่นช้าจนเกินไป แต่มันหมายถึงผู้เล่นที่เล่นมือใหญ่ให้ดูอ่อนแอ เพื่อที่จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามยังคงอยู่และลงชิปเข้ามาที่ Pot มากขึ้นให้ผู้เล่นที่คาดว่าจะชนะ
ถ้าคุณคิดถึงมันให้ดีแล้ว การเล่น Slow Play นั้นเป็นการเล่นที่ไม่ตรงไปตรงมาเช่นเดียวกับ Chack-Raise หรือ Bluff คุณมีมือใหญ่ แต่คุณเลือกที่จะไม่แสดงความแข็งแกร่งออกมา และแค่ Check หรือ Call แทนที่จะ Bet หรือ Raise การเล่น Slow Play นั้นเป็นการเล่นที่แยบยลมาก ถ้าเล่นออกมาได้อย่างฉลาดสามารถทำให้คุณชนะใน Pot ที่ใหญ่กว่าการเล่นมือใหญ่เร็วไปด้วยการ Bet และ Raise
ข้างล่างนี้เป็น 2 หัวข้อที่ควรและไม่ควรทำขณะเล่น Slow Play โดยจะโฟกัสที่การเล่น Slow Play หลังจากเปิด Flop แล้ว ถึงแม้ว่าผู้เล่นจะสามารถ Slow Play ได้ก่อนที่จะเปิด Flop เหมือนกัน เช่น คนที่ได้คู่ Ace ที่ Big Blind อาจเห็นผู้เล่นที่เล่น Loose มาก Raise มาจาก Late Position แล้วเลือกที่จะ Call แทนที่จะ Reraise เพื่อที่จะเริ่มทำ Pot ให้ใหญ่หลังเปิด Flop
เรามาโฟกัสหลักๆที่ Postflop ตรงช่วง Flop และ Turn ที่ซึ่งถ้าคุณมีมือใหญ่ คุณมีทางเลือกที่จะเล่นแบบเร็วหรือช้า (ไม่มีการ Slow Play ที่ River)
3 สิ่งที่ควรทำในการเล่น Slow Play
ลองจินตนาการว่าเมื่อคุณมีมือที่ใหญ่มากที่ Flop และการ Slow Play ก็เป็นตัวเลือกที่ทำได้ เช่น คุณมี 8♠8♥ และมี 8 ตกที่ Flop ทำให้คุณติด Set คุณแทบจะแน่ใจได้เลยว่ามีมือที่ใหญ่ที่สุด ตัวแปรอะไรบ้างที่สนับสนุนให้คุณเล่น Slow Play
1. เล่น Slow Play อยู่กับฝ่ายตรงข้ามที่ Loose หรือ Aggressive หรือเปล่า
Slow Play จะทำงานได้ดีที่สุดเมื่อคุณเจอกับฝ่ายตรงข้ามที่เล่นไพ่จำนวนมาก (Loose) และคนที่แสดงนิสัยที่จะ Bet และ Raise ที่ Flop บ่อยๆ (Aggressive) ผู้เล่นเหล่านี้ชอบที่จะ Bet เพื่อคุณ และเริ่มสร้าง Pot บ่อยๆที่ Flop
เมื่อเจอกับผู้เล่นแบบนี้ มันสามารถทำกำไรได้โดยการ Call ที่ Flop แล้วบางทีอาจจะ Raise ที่ Turn ด้วย Set แน่นอนว่าเมื่อเจอกับผู้เล่น Loose บางคน คุณอยากที่จะ Bet มือใหญ่ของคุณออกไปและปล่อยให้พวกนั้น Raise ซึ่งอาจเป็นวิธีที่ดีกว่าที่จะได้ชิปจากกองกลางมากขึ้น
เมื่อคุณ Slow Play เหมือนกับว่าคุณกำลังวาง “กับดัก” ที่คุณหวังว่าจะจับฝ่ายตรงข้าม กลยุทธ์นี้จะใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นกับผู้เล่น Loose-Aggressive ที่ดูเหมือนจะตกกับดักที่คุณวางไว้ มันยังคงใช้ได้ในสถานที่ผู้เล่นดูจะไม่สนใจว่าคุณเล่นอย่างไร เช่นใน Low-Stakes Live Games หรือใน Online Games บางส่วน
2. เล่น Slow Play ในบอร์ดที่ Dry และไม่เกี่ยวข้องกัน
คุณมี Set ที่ Flop ด้วย 8♠8♥ สมมติว่าบอร์ดคือ K♣8♦2♠ มันเป็น Flop ที่ Dry มาก ไม่มี Straight หรือ Flush Draw นี่เป็นสถานการณ์ที่เป็นใจให้ Slow Play Set ของคุณ ด้วย 2 เหตุผล
เหตุผลแรกคือ คุณไม่กลัวที่จะให้อีกฝ่ายได้ดูไพ่ฟรีที่อาจจะทำให้มี Draw สำหรับฝ่ายตรงข้าม ใน Flop นี้ มันแทบจะไม่มีไพ่ที่ Turn ที่ทำอันตรายคุณได้ หมายความว่า Set 8 ของคุณจะแทบจะเป็นมือที่ดีที่สุดเหมือนเดิมที่ Turn
เหตุผลที่สองคือ ถ้าคุณ Bet ที่ Flop นี้ คุณจะเจอกับการ Fold บ่อยๆ และได้ Pot เล็ก ในเมื่อคุณอยากได้มากกว่านี้ อย่างที่เราพูดกันในเรื่อง “10 ข้อแนะนำสำหรับ Hold’em: พื้นฐานของ Set Mining” มันยากที่จะติด Set ที่ Flop และเมื่อเรามีมือใหญ่ เราก็อยากที่จะชนะ Pot ใหญ่ การ Bet ไปก่อนในบอร์ดที่ Dry แบบนี้ จะทำให้คนที่ไม่มี King และไพ่คู่หนีไปกันหมด
3. เล่น Slow Play ในสถานการณ์ Heads-Up
คำแนะนำตรงนี้ไม่ได้ให้ Slow Play ทุกครั้งที่คุณ Heads-Up แต่ให้พยายามที่จะ Slow Play เมื่อเจอกับฝ่ายตรงข้ามคนเดียวมากกว่าใน Pot ที่มีหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าฝ่ายตรงข้ามคนเดียวของคุณนั้น เป็น Loose หรือ Aggressive และบอร์ดไม่เกี่ยวข้องกันมากเกินไป Slow Play ก็เป็นตัวเลือกที่มีเหตุผลให้คุณลอง
ฝ่ายตรงข้ามหลายคนจะเพิ่มความซับซ้อนในสถานการณ์ Postflop ที่ทำให้ Slow Play เป็นตัวเลือกที่แย่
3 สิ่งที่ไม่ควรทำในการเล่น Slow Play
มาต่อกันในสถานการณ์เดิม คุณมี Set 8 ที่ Flop มาดู 3 ตัวแปรที่ไม่สนับสนุนให้คุณเล่น Slow Play
1. อย่า Slow Play เมื่อเจอกับฝ่ายตรงข้ามที่ Tight หรือ Passive
Slow Play โดยทั่วไปแล้วเป็นความคิดที่แย่เมื่อฝ่ายตรงข้ามของคุณมีแนวโน้มที่จะ Fold เยอะ และเล่นไพ่จำนวนน้อย (Tight) และเมื่อพวกเขานั้น Check กับ Call เป็นจำนวนมาก (Passive) ผู้เล่นเหล่านี้จะไม่ Bet ด้วยตัวเอง คุณจึงจำเป็นต้องทำเพื่อสร้าง Pot เมื่อคุณมีมือใหญ่ที่ Flop
หลังติด Set ที่ Flop การ Bet ออกไปก่อนกับผู้เล่นเหล่านี้เป็นกลยุทธ์ที่ดี ถ้าพวกเขา Tight และเล่นแต่ไพ่ใหญ่ พวกเขาน่าจะมีบางอย่างที่สามารถ Call Bet ของคุณได้ แน่นอนว่ากับผู้เล่น Passive ก็เหมือนกัน พวกเขาจะ Call เพื่อที่จะดู Turn และ River
อย่าพยายามลองวาง “กับดัก” ผู้เล่นเหล่านี้ด้วยการ Slow Play จะทำให้คุณเสีย Value ตอน Postflop
2. อย่า Slow Play บนบอร์ดที่ Wet ที่เกี่ยวข้องกันเยอะ
ลองจินตนาการ Flop ที่ต่างออกไปสำหรับ Set 8 ของคุณ เช่น K♦9♣8♦ หรือ A♣Q♦8♣ บอร์ดที่ Wet หรือเกี่ยวข้องกัน เพราะมันมีโอกาสที่อีกฝ่ายจะมี Straight หรือ Flush Draw มันชัดว่าทำไมบอร์ดเหล่านี้ไม่เหมาะสำหรับ Slow Play ด้วย 2 เหตุผล
ข้อแรกคือ คุณไม่อยากที่จะ Check ใน Flop นี้ และให้ฝ่ายตรงข้ามมีโอกาสที่จะเห็นไพ่ฟรีที่ Turn ที่อาจจะทำให้ Draw นั้นสมบูรณ์ ทั้ง 2 บอร์ดนั้นมีไพ่จำนวนมากที่ Turn ที่คุณไม่อยากเห็นที่จะทำให้คุณมั่นใจเกี่ยวกับ Set ของคุณน้อยลง
และอีกข้อ พวกนี้เป็นบอร์ดที่มีโอกาสสูงมากที่มืออีกฝ่ายจะติดเหมือนกัน พวกเขาอาจมีไพ่ Draw หรืออาจมี 1 หรือ 2 คู่ ที่จะ Call แน่นอนถ้าคุณ Bet ถ้าพวกเขามีแค่คู่เดียวและ Turn ตกเป็นไพ่ทำให้ Draw สมบูรณ์ พวกเขาอาจจะหยุด Call หลังจากนั้น นั่นหมายถึงคุณได้พลาด Value ในมือนั้นไป
(มีบางบอร์ดที่ Wet เกินไปและคุณเลือกไม่ Bet ไม่ใช่เพราะว่า Slow Play แต่เพื่อควบคุมขนาดของ Pot เช่น J♦10♦9♦8♣ ที่ Turn Set 8 ก็ไม่ใช่มือใหญ่อีกต่อไป)
3. อย่า Slow Play กับฝ่ายตรงข้ามหลายคน
ถ้าคุณมี Set ที่ Flop หรือมือที่ใหญ่มากใน Pot หลายคน คุณต้อง Bet ออกไป (หรือ Raise ใส่ Bet ของคนอื่น) และไม่ Slow Play
ด้วยฝ่ายตรงข้ามหลายคน มันมีโอกาสที่จะมีคนที่มีอะไรบางอย่างที่ Flop และให้ Action แบบที่คุณต้องการ ฝ่ายตรงข้ามหลายคนยังหมายถึงมีไพ่ที่ Turn และ River ที่แย่สำหรับคุณมากขึ้น ด้วยการพัฒนาให้บางคนมีมือที่ใหญ่กว่าคุณ
ข้อสรุป
เรามีข้อสรุป 2 ข้อ สำหรับการ Slow Play ให้พิจารณา
ข้อแรก คุณอาจจะได้เจอกับข้อยกเว้นของสิ่งที่ควรและไม่ควรทำทั้งหมดข้างบน นั่นหมายถึงในบางสถานการณ์ที่เกิดได้ยาก คุณอาจจะอยากเล่นเร็วกับฝ่ายตรงข้ามคนเดียวทั้งๆที่บอร์ดนั้น Dry หรือ Slow Play ขณะที่มีฝ่ายตรงข้ามหลายคน ให้พิจารณาหลักการข้างต้น และลองออกนอกหลักการดู ถ้าสถานการณ์มันแนะนำอย่างมากว่าคุณควรจะทำ
ข้อสอง อย่า Slow Play มือใหญ่แค่เพื่อจะให้ดูแตกต่างหรือเพื่อทำการเล่นแบบพิสดาร นี่เป็นสิ่งที่ใหญ่ที่สุดที่ไม่ควรทำ
ที่มา https://www.pokernews.com/strategy/10-hold-em-tips-06-25395.htm