แน่ใจนะว่าจะ Fold?

การ fold เป็นหัวข้อที่น่าสนใจน้อยที่สุดในเกม poker  เพราะการ fold เป็นอะไรที่…สุดท้ายแล้วจริงๆ!  เราต้อง muck ไพ่ ต้องยอมจำนนให้กับคู่ต่อสู้  จากนั้นก็ไปเล่น hand ต่อไปกันต่อ  ตามความเป็นจริง เราสามารถแบ่ง poker player ได้เป็น 2 ประเภท 

1) Player ที่ fold มากเกินไป
2) Player ที่ fold น้อยเกินไป 

แต่ยังมี player อีกประเภทนึง ซึ่งมีอยู่น้อยมาก  คือ player ที่รักษา frequency และ range และ fold ได้อย่างถูกต้อง

Poker player ส่วนมากจะมีเส้นทางในเกม poker ที่คล้ายกันมาก 

โดยพวกเขาจะเริ่มจากการเป็น fish ที่ call มากเกินไปและ fold น้อยมาก  จากนั้นพวกเขาก็จะถูกลงโทษจากการเล่นแบบนั้นและจะเริ่มรู้ตัวว่าจำเป็นต้อง fold junk hand พวกนั้นบ้าง  และท้ายที่สุดพวกเขาก็จะเริ่มเรียนรู้ที่จะใช้ junk hand พวกนั้นมาอยู่ใน range อย่างน้อยก็ในบางครั้ง ในสถานการณ์ที่เหมาะสมเพื่อทำกำไรมากขึ้น  แต่ปัญหาก็คือพวก TAG และ Nit ส่วนใหญ่ที่ยังคงยึดติดกับการ fold ค่อนข้างมากเกินไป 

ผิดตรงไหนที่ Fold มากเกินไป?

มันมีเวลาที่เราต้อง fold  แต่ก็มีจำนวนน้อยครั้งกว่าที่ player ส่วนใหญ่คิด  นั่นเป็นสาเหตุที่ player ส่วนใหญ่มี fold frequency ที่ผิดพลาดไปมาก

เพราะฉะนั้นเราคงสงสัยว่า เราควรจะ fold มากแค่ไหนกันล่ะ?

ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าการ fold นั้นทำให้เกิดอะไรขึ้นบ้าง:

1) เสีย Equity ไปหมด 100% 

Gutshot เป็น hand ที่ player ส่วนใหญ่ fold เมื่อถูก bet หรือ raise ที่ turn  แต่ยังไงก็ตาม gutshot นั้นก็ยังมี equity และมีโอกาสที่จะชนะ pot อยู่บ้าง  แต่การที่เรา fold นั่นหมายถึงเราได้ทิ้งโอกาสที่จะชนะและทำให้มันกลายเป็น 0%

แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราไม่ควรจะ fold เลยซักครั้ง  แต่เราควรพิจารณาดูว่าได้ fold ทิ้ง equity หรือโอกาสในการ call และสร้างความกดดันใน street ต่อไปมากแค่ไหนในแต่ละ session   การยอมปล่อย pot ง่ายเกินไปจะส่งผลต่อ winrate และพลาดโอกาสที่จะได้ implied odds จากการเล่น

2) ทำให้ตัวเองตกเป็นเป้าหมาย

ถ้าเราจะไปถึง showdown ด้วย monster hand เท่านั้น แสดงว่าเราน่าจะ fold มากเกินไป  ผู้เล่นที่เก่งๆมักหาโอกาสที่จะโจมตี player ที่ fold บ่อยเกินไป  เพราะพวกนี้จะถูกกดดันและ bluff ได้ง่าย

3) ไม่กดดันให้คู่ต่อสู้ “พิสูจน์ว่ามีจริง”

เอาจริงๆเลยนะ ด้วยไพ่เพียง 2 ใบ อย่าว่าแต่ big hand เลย  โอกาสที่จะติด pair ก็ยากแล้ว!

การ fold เมื่อถูก bet เป็นการปล่อยให้คู่ต่อสู้ไม่ต้องไปถึง showdown และพิสูจน์ว่าเขามี big hand อย่างที่ represent อยู่จริง  

ตัวเลขเบื้องหลังการ Fold

สมมุติว่า villain ได้ bet มา 2/3 ของ pot  ถึงจะยังไม่ได้ดู board / ที่ไพรของเรา หรืออ่านไพ่คู่ต่อสู้  villain จะสามารถทำกำไรได้โดยอัตโนมัติถ้าเรา fold มากกว่า 40% ของทุกครั้ง  นี่เป็นเรื่องของการคำนวณ breakeven bet ทางคณิตศาสตร์  

ถ้าเรารับ bet นั้นต่อเมื่อมี strong hand และทิ้งที่เหลือทั้งหมดไป  นั่นแสดงว่าเราน่าจะได้ fold ไปมากกว่าครึ่งของทุกครั้ง   และปล่อยให้คู่ต่อสู้สามารถทำกำไรจากเราได้อย่างง่ายดาย  ซึ่งไม่ใช่ winning strategy อย่างแน่นอน

เราจะโจมตี player ที่ fold มากเกินไป  และเป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องไม่ปล่อยให้คู่ต่อสู้มาโจมตีเราได้เช่นกัน 

ถ้ายังไม่เชื่อ…มาดูตัวอย่างของสถานการณ์ที่ player ส่วนใหญ่ fold มากเกินไป  แล้วคุณล่ะ fold ในสถานการณ์นี้ด้วยหรือไม่?

เกม $2/$5 เรา raise preflop ไป $20 และมีแค่ BB call มา  คู่ต่อสู้ check ที่ flop เรา C-bet ไป และถูก check-raise มา $90

สมมุติว่าเราได้ open ด้วย 40% ของ hand ใน preflop และ c-bet ด้วย range ทั้งหมด  ถ้าเราให้แอคชั่นของ check-raise ด้วยความแข็งของ hand ตามนี้  นี่ก็คือความถี่ที่เราควรต้อง fold:

  • Top pair: 82% fold frequency 
  • Middle Pair+: 68% fold frequency
  • ทุก Pair / ทุก Back Door Flush Draw: 44% fold frequency

ควร Fold บ่อยแค่ไหน?

แก่นของการ fold นั่นคือการยอมแพ้  และ TAG player ส่วนมากจะยอมแพ้มากเกินไป  โดยเฉพาะที่ turn และ river  พวก fish ก็มักจะ fold น้อยเกินไป และ showdown ด้วย junk hand มากเกินไป

เป้าหมายของเราคืออยู่กึ่งกลาง

ข้อแรก แค่ไหนถึงเรียกว่าบ่อยเกินไป? แน่นอนว่า มีความแตกต่างอย่างมากระหว่างการ fold 80% 50% และ 25%  โดยทั่วไปถ้าเราปล่อยให้ใครมาทำกำไรจากเราได้อย่างง่ายดาย (ด้วยการ fold มากกว่าจุด break-even ของ bet size) นั่นหมายถึงเราได้ fold มากเกินไปแล้วล่ะ  โดยเฉพาะเมื่อคิดว่าบางส่วนของ folding range น่าจะนำ หรือไม่ก็มี equity อยู่พอสมควร  

ถ้าได้อ่าน Poker 1% ของ Ed Miller เขาได้แนะนำการ fold โดยเฉลี่ยเพียง 30% ของทุกครั้งในหลายๆสถานการณ์  ดังนั้นถ้าเรา fold มากกว่าครึ่งอย่างต่อเนื่อง (และ tight player หลายๆคนทำเช่นนั้น) เราก็ได้ทิ้งเงินไว้บนโต๊ะแล้วล่ะ

หนึ่งในกฎ 2 ข้อของ poker ที่เราต้องจำไว้เสมอคือ  ถ้าเรา call หนึ่ง street เรามักจะควรเล่นต่อใน street ต่อไป  ถ้าเราตีความ “มักจะ” ว่าหมายถึงประมาณ 70% ของทุกครั้ง  นั่นก็หมายความว่าเราควร fold ประมาณ 30% เมื่อถูก bet  นี่เป็นตัวเลขโดยเฉลี่ยของทุก flop และ/หรือ runouts ที่เป็นไปได้  ดังนั้นอย่าลืมว่าไพ่/แอคชั่นที่แย่มากๆอาจเพิ่ม folding frequency  และไพ่/แอคชั่นที่ดีมากๆอาจเพิ่ม continue frequency ของเรา

แต่ player ส่วนใหญ่ทำอย่างนั้นจริงรึเปล่า?

ทำไม Player ถึงกลายเป็นพวก Nitty?

ต้นกำเนิดของปัญหานี้เกิดจากที่ player เคยเล่นเสียในอดีตจนทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนมี monster อยู่ทุกสถานการณ์   อย่าลืมว่าเรากำลังเล่นอยู่กับ hand range และเราจะต้องประเมิน range ทั้งหมดของคู่ต่อสู้ คิดว่า range ของเขาจะมีแค่ monster hand จริงหรือ? อาจจะใช่ ถ้าเป็นพวก nit หรือถ้าเป็นพวกที่ bluff frequency เป็นศูนย์ แต่ไม่ใช่แน่ๆในสถานการณ์ส่วนใหญ่…

และนี่คือความจริงที่สุด: เราต้องมีข้อมูลที่แข็งจำนวนมากพอก่อนจะเชื่อได้ว่า range ของคู่ต่อสู้มีแค่ super-nut แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคู่ต่อสู้จะไม่มี super-nut อยู่ใน range ประเด็นคือยังมีโอกาสที่จะมี hand อื่นๆอยู่ใน range ด้วยเหมือนกัน และเพราะมี combo ของ super strong hand อยู่มากมายใน range ของคู่ต่อสู้ hand พิเศษที่เพิ่มขึ้นมาใน range จะลด value อย่างรวดเร็ว

ดังนั้น ก่อนที่เราจะคิดว่า “raise นั้นต้องเป็น nut แน่ๆ ควรจะ fold top pair ดีกว่า” ให้ลองคิดดูดีๆว่าเขาจะ raise ได้ด้วยอะไรบ้าง

แน่นอนว่าถ้าคู่ต่อสู้ raise 100% ด้วย nut เท่านั้น เราก็สามารถ exploit พวกเขาได้ด้วยการ fold (เพราะเราจะไม่ยอมจ่ายให้เลย) แต่นี่ไม่ใช่เคสที่เกิดขึ้นบ่อยเหมือนที่ player ส่วนใหญ่คิด คู่ต่อสู้อาจ raise ด้วย top pair เพื่อไม่ให้เรา bet river อีกครั้ง หรือเขาอาจ semi-bluff หรืออาจคิดว่าสังเกตุเห็นอะไรจากการเล่นของเรา…

พวก Nit พวก TAG และ poker player ที่ไม่ชอบความเสี่ยงมัก fold มากเกินไปเพียงเพราะพวกเขายินดีที่จะเสียน้อยแทนที่ต้องเสี่ยงเสียมากๆ แต่ mindset นี้ก็ทำให้พวกเขาไม่ได้ชนะ pot ใหญ่ๆด้วยเช่นกัน!

และคุณอยากรู้ความลับอะไรไม๊? พวก Nit / TAG และผู้เล่นที่ไม่ชอบเสี่ยงชอบ fold ในสถานการณ์เหล่านี้ด้วยเหตุผลง่ายๆ…เพราะพวกเขายินดีที่จะเสียน้อยแทนที่จะต้องเสี่ยงเสียมากๆ แต่ด้วย mindset นี้ก็จะทำให้พวกเขาทำกำไรใหญ่ๆได้ยากมาก เพราะพวกเขาไม่พร้อมที่จะผิดในบางครั้ง และรู้สึกเจ็บปวดถ้าต้องเสียหมดทั้ง buy-in ถ้าเรามีความรู้สึกกลัวที่จะเสีย buy-in ก็หมายความว่าเรากำลัง under-roll หรือไม่ก็กำลังเจอกับ mental leak ที่เราอาจไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด เราต้องรับรู้ปัญหาและหาวิธีแก้ไขโดยเร็วที่สุด

Source:
Folding Correctly In Poker
https://www.splitsuit.com/folding-correctly-in-poker