เล่นที่ Flop ควรใช้ Bet Size ไซส์ไหนดี?

Bet size คืออีกเรื่องที่สำคัญมากๆในเกมโป๊กเกอร์ มันคือสิ่งที่ชี้เป็นชี้ตายต่อ winrate และการหา EV ในระยะยาวได้ และอาจจะเป็นเรื่องที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ของใครหลายๆคน (ที่ไม่รู้ว่าควรจะ bet แค่ไหน เมื่อไหร่ดี ก็เลยได้แต่ bet ½ pot ไปเรื่อยๆ) 

 

วันนี้ผมจึงมีแนวทางการใช้ bet size แต่ละไซส์มาแนะนำให้ไปใช้กันอย่างถูกต้อง มานำเสนอ ให้ไปลองใช้กันดู โดยจะเป็นการนำไปใช้เบื้องต้น กับการเล่นที่ flop เป็นหลักก่อนนะครับ (อาจจะยังไม่ลงลึกถึง turn river เพราะมีความซับซ้อนยิ่งขึ้น)

 

=====================

 

  1. ไซส์เล็ก (20%-30% pot)

 

จุดประสงค์หลักของ bet เล็ก = protect/deny equity บนบอร์ดที่มี draw พอสมควร, thin value บนบอร์ดที่ static มากๆ

 

สถานการณ์ทั่วไปที่ใช้ bet

 

  • เมื่อเรา In Position บนบอร์ดที่ static มากๆ อย่าง pair board หรือ triple board เช่น บน flop JJ2 หรือ 777 เนื่องจากเป็นบอร์ดที่คู่แข่งเล่นต่อได้ยาก เพราะไม่มี draw และเสียเปรียบด้านตำแหน่ง ทำให้เราสามารถ bet ด้วยไซส์นี้ได้ทั้ง range ของเราเลย
  • เมื่อเรา In Position บนบอร์ดที่ disconnected หรือมี draw น้อย เช่น A82 
  • เมื่อเรามีแฮนด์ที่ค่อนข้างโอเค แต่ไม่ได้ strong มาก ที่ต้องการ protect equity ของเรา และ deny equity คู่แข่งบ้าง บนบอร์ดที่มี draw พอสมควร เช่น top pair ที่ kicker ไม่ดีมาก (เช่น J9 บนบอร์ด 976 rainbow), second pair บนบอร์ดที่เราพอจะมี range advantage (เช่น K9s บนบอร์ด AKT) , set บนบอร์ดที่มี straight (เช่น KK บนบอร์ด AKJ), overpair บนบอร์ดที่มี draw (เช่น 99 บนบอร์ด 754 2 tone) 
  • Semi bluff ต่างๆ เช่น flush draw, straight draw, combo draw บนบอร์ดที่ไม่ค่อยมี flush draw
  • Bluff ด้วยคอมโบอื่นๆในบอร์ดที่ไม่ค่อยมี draw หรือ connected กัน

 

=====================

 

  1. ไซส์กลาง (40% -​60% pot) 

 

จุดประสงค์ของ bet กลาง = protect/deny equity บอร์ดที่มี draw เยอะ โดยเฉพาะบอร์ดที่มี flush draw และใช้หา value หลักๆกับ strong hand ในกรณีทั่วไป

 

สถานการณ์ทั่วไปที่ใช้ bet

 

  • เมื่อเรามีแฮนด์ที่ค่อนข้างดี เช่น top pair good kicker, second pair top kicker บนบอร์ดที่มี draw พอสมควร เช่น AT บนบอร์ด T76 2 tone
  • เมื่อเรามีแฮนด์ที่ strong มากๆ ตั้งแต่ set ขึ้นไป หรือมี nut บนบอร์ดที่คู่แข่งมี draw เยอะ และมี range และ nut advantage พอๆกับเรา เช่น 89s หรือ 77/66/55 บนบอร์ด 765 2 tone
  • Semi bluff ต่างๆ เช่น flush draw, straight draw, combo draw บนบอร์ดที่มี flush draw

 

=====================

 

  1. ไซส์ใหญ่ (70%-80% pot)

 

จุดประสงค์ของ bet ใหญ่ = ใช้เพื่อเรียก EV เพิ่มขึ้น บนบอร์ดที่คู่แข่งมี value hand หรือ draw ที่จะ call ตามเราได้เยอะ

 

สถานการณ์ทั่วไปที่ใช้ bet

 

  • เมื่อเรามีแฮนด์ที่ดี ตั้งแต่ top pair top kicker ขึ้นไป บนบอร์ดที่คู่แข่งมีคอมโบที่เป็น value hand ใน range เยอะ (โดยเฉพาะ top pair/middle pair) ที่จะสามารถ call เราได้ (เช่น BTN vs BB ATs บนบอร์ด T85 2 tone หรือ AA บนบอร์ด K98 2 tone เพราะ BB มีแฮนด์กลุ่ม 8-K ที่จะ call made hand และ draw เรามาได้เยอะมาก)
  • Bluff ที่มี blocker effect และไม่ค่อยมี showdown (ถ้าเป็นคอมโบที่เล็กกว่าไพ่ที่ใหญ่ที่สุดบนบอร์ด ควรจะมี flush draw, backdoor flush มาช่วยด้วย) เช่น A7o ที่มี block flush draw บนบอร์ด 984 2 tone

 

=====================

 

  1. Overbet (120%-150% pot) 

 

จุดประสงค์ของการ overbet = ใช้เพื่อเรียก EV สูงสุด บนบอร์ดที่คู่แข่งมี value hand และ draw ที่จะ call ตามเราได้เยอะมากๆ

 

สถานการณ์ทั่วไปที่ใช้ overbet

 

  • เมื่อเรามีแฮนด์ที่ดี ตั้งแต่ top pair top kicker ขึ้นไป ที่ไม่ block value hand ของคู่แข่ง บนบอร์ดที่เรามีทั้ง range advantage และ nut advantage เหนือกว่าคู่แข่ง แต่คู่แข่งอาจจะมี value hand (เช่น top pair) และ draw ที่จะ call ตามเรามาได้เยอะมากๆ เช่น BTN vs BB ที่เราถือ  A9, TT-AA, 88 หรือ 44 บนบอร์ด 984 rainbow เพราะเป็นบอร์ดที่ BB จะมี 9, 8 และ draw ที่จะ call ตามได้เยอะมาก โดยที่เขาไม่ค่อยมี nut อย่าง 99 หรือ 88 เท่าไหร่ (เพราะควร 3bet preflop มากกว่า)
  • Bluff ที่มี blocker effect และไม่ค่อยมี showdown (ถ้าเป็นคอมโบที่เล็กกว่าไพ่ที่ใหญ่ที่สุดบนบอร์ด ควรจะมี flush draw, backdoor flush มาช่วยด้วย) เช่น Q6s ที่มี backdoor flush บนบอร์ด 984 rainbow (block QJ,QT,76 ที่เป็น draw ที่จะ call ตามมาได้)

 

=====================

 

โดยสรุป จะเห็นได้ว่า ปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดขนาดของ bet size ว่าเราจะสามารถ bet ใหญ่ได้แค่ไหน ขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยหลักๆคือ :

 

  1. บอร์ด = ยิ่งบอร์ด static หรือ dry ยิ่ง bet เล็ก เพราะเราไม่ต้อง protect/deny equity เท่าไหร่ แต่ยิ่งบอร์ด dynamic หรือ wet (มี draw เยอะ) ยิ่ง bet ได้ใหญ่ เพราะเรามีภาระต้อง protect/deny equity สูงขึ้น

 

  1. range/nut advantage = ยิ่งมีมาก ยิ่งมีโอกาส bet ใหญ่ได้มากขึ้น เพราะคู่แข่งมีโอกาส call กับแฮนด์ที่แย่กว่าเราได้เยอะ

 

  1. Calling range ของคู่แข่ง = ถ้า range ของคู่แข่ง มี value hand และ draw ที่จะสามารถ call เรามาได้มาก เรายิ่ง bet ได้ใหญ่ขึ้น

 

ดังนั้น สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุด ที่จะทำให้เราเข้าใจว่า เราสามารถ bet ใหญ่ได้แค่ไหน ก็คือเราต้องเข้าใจ และจดจำ “range” ทั้งของเราและของคู่แข่งได้เป็นอย่างดีซะก่อน ยิ่งเราแม่นเรื่อง range มากแค่ไหน รู้ว่าคู่แข่งจะ call กับอะไรได้เยอะ เราก็ยิ่งสามารถ bet ใหญ่ เพื่อทำกำไรได้มากขึ้น หรือรู้ว่าคอมโบไหนเราไม่ควร bet ใหญ่ เพราะ range คู่แข่งได้เปรียบกว่าเรานั่นเอง

 

สุดท้าย อย่าลืมว่า คำแนะนำดังกล่าว มีพื้นฐานมาจากการ balance ตาม GTO ซึ่งเวลาเล่นจริง เราเองก็ต้องวิเคราะห์สไตล์การเล่นของคู่แข่งด้วย ว่าเป็นสไตล์ไหน (ยิ่ง loose เราก็อาจจะยิ่งใช้ไซส์ใหญ่ขึ้นกว่าปกติได้ และไม่ควร bluff ด้วยไซส์ใหญ่เกินไปด้วยเช่นกัน) เพื่อให้มีโอกาส expolit และรับมือกับคู่แข่งได้ดีขึ้น โดยไม่ยึดติดกับตำรานั่นเองครับ

Zuburbian1