เข้าใจการ 3 Bet ด้วย Linear vs Polarized Range

Introduction

การ 3-bet อาจยังเป็นเรื่องที่ beginner เข้าใจได้ยากและนำไปใช้อย่างไม่ถูกต้องนัก  ด้วยทฤษฎีมากมายต่างๆทั้งในหนังสือ forum และวีดีโอ แน่นอนว่ามันทำให้ beginner สับสนได้ง่ายๆ โดยไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ควร 3-bet และ hand range แบบไหนที่ควร 3-bet และเพราะอะไร?  บทความนี้จะอธิบายหลักการพื้นฐานเพื่อให้ beginner และ player ที่ยังมีปัญหากับการ 3-bet ได้เข้าใจและใช้มันอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การ Preflop 3-Bet คืออะไร?

ขั้นแรกเรามาเริ่มจากการทำความเข้าใจ preflop 3-bet ว่ามันคืออะไร  การ 3-bet เกิดขึ้นเมื่อมีใคร open-raise จากนั้นอีกคนหนึ่ง re-raise preflop  การ re-raise นั้นเรียกว่า 3-bet  บางคนอาจจะสับสนเพราะคิดว่า 3-bet มันเป็นการ raise ครั้งที่ 2 ไม่ใช่เหรอ?  แต่เพราะในเกม Texas Holdem จะนับว่าการลง blind เป็น bet ที่1 และการ open raise แรกเป็น bet ที่2 และการ re-raise จึงเป็น bet ที่3  และถูกเรียกว่า 3-bet

Linear และ Polarized 3-Bets

ในเกม poker มีการ 3-bet อยู่ 2 ประเภท:

Linear 3-Bet Range

Range ของการ linear 3-bet จะเป็น value bet เท่านั้น  เมื่อเรา 3-bet ด้วย linear range หมายความว่าเรากำลัง 3-bet เพื่อ value  เช่นตัวอย่างในรูปด้านล่างแสดง 3-bet linear value range ของ JJ+ AQs+ AKo

Polarized 3-Bet Range

สำหรับ polarized 3-bet range นั้นจะเป็นการรวมกันระหว่าง value hand และ bluff  ดังนั้นความแตกต่างจาก linear 3-bet range คือเมื่อเรา 3-bet ด้วย polarized range หมายความว่าบางครั้งเราจะ bet เพื่อ value และบางครั้งจะเป็นการ bluff 

ทำไมเราต้อง 3-Bet?

หวังว่าจะได้เห็นจากด้านบนกันแล้วว่า  เราจะ 3-bet ด้วย 2 เหตุผล: 

1) เมื่อเรามี hand ที่ดีเกินไปที่จะ call เช่น KK หรือ AA เพื่อเรียก value
2) เมื่อเรามี hand ที่แย่เกินไปที่จะ call เช่น A2s หรือ 33 

ถ้าเรามี hand ที่ตรงกับ 2 เหตุผลนี้ ก็หมายความว่าเรามี hand ที่ “อาจจะ” 3-bet ได้

Linear หรือ Polarized?

แล้วเราควรจะใช้แบบไหน linear หรือ polarized โมเดลดีล่ะ? มันขึ้นอยู่กับคู่ต่อสู้ของเรา

เราสามารถจะ 3-Bet Bluff ได้ไม๊?
เราอาจจะเคยได้ยินคำพูดที่ว่า “อย่า bluff พวก calling station” การ 3-bet ก็เช่นกัน  เราควรใช้ polarized 3-bet โมเดลเพื่อ 3-bet bluff ต่อเมื่อคู่ต่อสู้มักจะ fold ให้กับ 3-bet  ไม่เช่นนั้นการ 3-bet bluff ก็จะเป็นการสิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็น  ในทางตรงกันข้าม ถ้าคู่ต่อสู้มักจะ fold ให้ 3-bet เสมอ ประมาณ 67% เราจะสามารถทำกำไรด้วยการ 3-bet bluff ได้

ดังนั้น การ 3-bet bluff และ polarized 3-bet โมเดลจะใช้ได้ดีที่สุดเมื่อมี fold equity สูงๆ  ไม่ควรใช้โมเดลนี้ถ้า fold equity ต่ำๆ แต่ควรจะใช้ linear 3-bet โมเดลแทน

ควร Value 3-Bet Bet กว้างแค่ไหน?
เป็นอีกครั้งที่เราควรจะดูว่าคู่ต่อสู้รับมือกับ 3-bet ยังไง  เมื่อเรา 3-bet เพื่อ value ปัจจัยสำคัญที่สุดคือ 3-bet calling range และ 4-bet range ของคู่ต่อสู้

การ 3-bet เพื่อ value เป้าหมายของเราคือต้องการให้คู่ต่อสู้ call 3-bet เรามาด้วย hand ที่แย่กว่า เช่น ถ้าคู่ต่อสู้ fold 100% ให้กับ 3-bet (เป็นตัวอย่างที่ค่อนข้างจะเกินจริง แต่ตรงประเด็น) ก็หมายความว่าเราไม่ควรจะ 3-bet KK หรือ AA  ในเคสที่เจอกับคู่ต่อสู้แบบนี้ เราควรจะเพียงแค่ flat preflop raise ของเขา  ในทางตรงกันข้าม ถ้าคู่ต่อสู้แทบจะไม่ fold ให้ 3-bet เลย เราก็สามารถทำกำไรจากการ 3-bet เพื่อ value ได้อย่างมาก!

ข้อแนะนำสำหรับการ 3-bet เพื่อ value:

  • ปรับ 3-bet value range ตามการตอบสนอง 3-bet ของคู่ต่อสู้อยู่เสมอ 
  • พิจารณา 3-bet flat range และ 4-bet range ของคู่ต่อสู้
  • คู่ต่อสู้ fold ให้กับ 3-bet น้อยเท่าไหร่ เราก็ยิ่งเพิ่ม value range ให้กว้างขึ้นได้เท่านั้น

Low vs High Fold Equity

ดังนั้นเราควรใช้ polarized model ถ้าเรามี fold equity สูง  และใช้ linear 3-bet model เมื่อมี fold equity ต่ำ

3-Bet Sizing

การเลือกขนาดของ 3-bet สำหรับ beginner แนะนำให้ใช้กฎ 3x  โดย raise 3 เท่าของ open raise จากคู่ต่อสู้

  • ถ้าเรา out of position กับ raiser ให้เพิ่มขนาดขึ้นเล็กน้อย เกือบๆ 3.5x  ทำไมล่ะ? เพราะเรามีความเสียเปรียบทาง position นั่นเอง
  • ถ้าเรา in position กับ raiser ให้ลดขนาดลงเล็กน้อย เกือบๆ 2.8x  ทำไมล่ะ? เพราะเราได้เปรียบทาง position น่ะสิ

สรุป

ในบทความนี้เราได้พูดถึงพื้นฐานการ 3-bet และความแตกต่างของ linear และ polarized 3-bet range  แม้กลยุทธ์ของการ 3-bet ยังมีอีกมากมาย แต่บทความนี้น่าจะช่วยเป็นแนวทางให้ beginner อยู่ใน 3-betting เกมได้ดีขึ้น

Source:
https://www.microgrinder.com/poker-strategy-articles/3-betting-101/