วิธีการเล่น JJ สำหรับโป๊กเกอร์

ไพ่คู่นี้เราสามารถ all-in ได้ตั้งแต่ pre-flop จริงๆหรอ? แล้วเล่นยังไงถึงจะถูกวิธีล่ะ

JJ ถือเป็นไพ่ที่สร้างปัญหาให้กับผู้เล่นมือใหม่เป็นจำนวนมาก เพราะส่วนมากแล้วเมื่อเราได้รับไพ่คู่นี้มาอยู่ในมือ เราจะมีความคิดที่ว่า “ฉันได้ไพ่ที่ดี ติดอันดับ 1 ใน 5 เลยนะ” แต่ความจริงแล้วมันเป็นแบบนั้นจริงๆหรอ ? วันนี้เราจะมาดูกัน…..

ในรอบ pre-flop

            โดยปกติผู้เล่นมือใหม่มักจะลงเดิมพันมากเกินไปสำหรับไพ่ JJ อย่างเช่น raise ไป 20BB หรือมากกว่านั้น ส่วนแนวความคิดนี้ก็มาจาก เราอาจจะสามารถเอาชนะได้ตั้งแต่ pre-flop หรือถ้าถูก call ตามก็เดาไว้ว่าคู่ต่อสู้น่าจะถือไพ่คู่ที่สูงกว่าอยู่เท่านั้นเอง

            บางทีผู้เล่นมือใหม่อาจจะ all-in ตั้งแต่ pre-flop เลย และไม่คิดที่จะตัดสินใจถึงแอคชั่นอื่นๆด้วย มันอาจจะดูเด็ดเดี่ยวแต่ก็ดูจะผิดหลักการไปซะหน่อย ที่สำคัญคือผู้เล่นเหล่านี้มักจะไม่ค่อยเสีย pot ไป จึงทำให้อัตราการแพ้-ชนะของไพ่คู่นี้ผิดแปลกไปจากสิ่งที่ควรจะเป็น บางครั้งจึงทำให้ผู้เล่นมอง JJ ดีกว่าความเป็นจริง

การคำนวณ JJ

            ถ้าเรา buy in 100BB (ถือว่าเป็นมาตราฐานส่วนใหญ่ของ cash game เนอะ) และเราชนะ blind 8 ครั้ง (8 x 1.5 = 12BB) ต่อการเสียครั้งนึง (-100BB) ก็จะจบลงที่เราเสีย 9.8BB ((12 – 100)/9 = -9.8BB) ในทุกๆครั้งที่เราเลือกที่จะ all-in

            อัตราชนะ-แพ้ 8/1 มาจากไหน ? มาจากเรามีโอกาส 1/220 ที่จะได้รับJJในมือตั้งแต่เริ่มเกม โอกาสที่จะได้รับ AA KK QQ ก็คือ 3/220 และบนโต๊ะโป๊กเกอร์ที่มี 10 คน จะมีผู้เล่นคนอื่นๆนอกจากตัวเราเองอยู่อีก 9 คน ทำให้โอกาสที่ผู้เล่นคนอื่นๆจะมีไพ่ที่ดีกว่า JJ มีอยู่ 27/220

            ไออัตราส่วนข้างบนไม่ได้เป็นตัวเลขที่แน่นอนนะ มันจะถูกปรับเปลี่ยนไป เช่น ทุกๆครั้งที่ JJ ชนะคู่อื่นๆที่สูงกว่า จะถูกนับว่าเป็นการชนะ 1ครั้ง ต่อการเสียทุกๆ 10 ครั้ง ตัวเลข BB ต่อครั้งก็จะถูกเปลี่ยนไป 1.2BB เราจึงสามารถสรุปได้ว่าทุกๆครั้งที่ผู้เล่นที่ได้ QQ หรือสูงกว่านั้นมักจะ call ตามมา

            อ่านมาถึงตรงนี้อาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจมากนัก แต่สิ่งที่เราจะสื่อคือ การตัดสินใจ all-in ตั้งแต่รอบ pre-flop ในทุกครั้งที่ได้ JJ มานั้น ไม่สามารถสร้างกำไรให้เราได้เลย มีแต่เสียมากขึ้นเรื่อยๆเท่านั้นเอง

ตัวเลือกในการเล่น JJ ช่วง pre-flop

            ตอนนี้เราทิ้งไอหลักการตอนแรกที่ raise ไปเยอะๆ หรือ all-in ตั้งแต่ pre-flop ไปก่อน เรามีทางเลือกอื่นๆในการเล่นที่เหมาะสมและสามารถสร้างกำไรมาฝากกัน

            โป๊กเกอร์เป็นเกมที่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ถ้าเราย้อนดูการเล่นในแต่ละครั้ง ผู้เล่นทุกคนอาจจะได้รับไพ่เหมือนเดิม แต่วิธีการเล่นจะแตกต่างกันไปในทุกๆครั้ง ทั้งหมดนั้นเกิดจากตัวแปรบางตัวดังต่อไปนี้

            – ตำแหน่งที่นั่ง

            – ตำแหน่งที่นั่งของเรากับผู้เล่นที่เล่นแบบสุดโต้ง (loose สุด หรือ tight สุด )

            – ตำแหน่งที่นั่งของผู้เล่นคนอื่นที่มีไพ่ที่ดี

            – และความผิดปกติของทฤษฎีและสิ่งต่างๆ (ทฤษฎีความอลวน)

            สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงและมีผลกระทบต่อการเล่นของเรามากที่สุดก็คือ ตำแหน่งที่นั่งของเรานั่นเอง การที่เรานั่งอยู่ในตำแหน่ง UTG กับการที่เรานั่งอยู่ในตำแหน่ง BTN ย่อมมีวิธีการเล่น JJ ที่แตกต่างกันไป และ ตำแหน่งที่ดีกว่าย่อมมีข้อมูลที่มากกว่า

            ผู้เล่นที่เล่นแบบสุดโต้ง จะเปลี่ยนวิธีการเล่นของเราได้ ถ้ามีผู้เล่นที่ all-in ใส่เราเกือบจะทุก hand วิธีการเล่นของเราก็จะเปลี่ยนไปขึ้นอยู่กับว่าผู้เล่นคนนั้นตัดสินใจก่อนหรือหลังเรา โดยที่เราไม่ต้องคำนึงถึงตำแหน่งที่นั่งของเราจริงๆเลย

            ถ้ามีผู้เล่นคนนึงมีไพ่ AK ซึ่งถือว่าเป็นไพ่ที่ดีกว่าเรา การเล่น JJ ในมือของเราก็จะเปลี่ยนไป ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขาว่าก่อนหรือหลังเรา ถ้าเขาได้ตัดสินใจก่อนเขาจะเป็นผู้นำเกมในทันที แต่ถ้าเขาตัดสินใจทีหลังเรายังมีโอกาสที่เราจะเป็นผู้นำเกมได้

            ทฤษฎีความอลวลใช้ได้กับหลายสถานการณ์มากๆไม่ใช่แค่ในโป๊กเกอร์เท่านั้น การที่เราเล่น hand เดิมๆ เราก็จะตัดสินใจทำสิ่งเดิมๆเกือบจะทุกครั้ง แต่เมื่อมีบางสิ่งมาทำให้การกระทำนั้นเปลี่ยนไป ทำให้เรามีความสรรค์สร้างมากขึ้นและตัดสินใจทำบางอย่างที่ผิดจากปกติไป มันจึงถูกเรียกว่า ความอลวน เพราะว่าเราไม่สามารถคาดเดาได้ว่ามันจะเกิดขึ้นได้เมื่อไหร่และยังไง แต่การคำนวณอันน่ามหัศจรรย์สามารถจัดการความอลวนเหล่านี้ได้และแจกแจงออกมาเป็นรูปแบบต่างๆ

            JJ ในรอบ pre-flop จึงเป็นการเก็บข้อมูลจากคู่ต่อสู้คนอื่นล้วนๆ ถ้าผู้เล่นคนอื่นๆไม่มีใครมีคู่ที่ใหญ่กว่าเรา เราก็มีโอกาสที่จะชนะใน pot นั้นมากขึ้น ดังนั้นเมื่อเราเริ่มต้นด้วยการ raise เรา raise เพื่อเพิ่มมูลค่า ถ้ามีผู้เล่นที่มีไพ่สูงกว่าเรา ก็ถือว่าเรา raise เพื่อให้ทราบข้อมูลไพ่ของคู่ต่อสู้

            ถ้ามีผู้เล่นก่อนหน้าเรา raise เข้ามาก่อน เราก็มี 2 ทางเลือก คือ call ตาม แล้วค่อยไปตัดสินใจเอาหลัง flop ออก โดยที่ไม่มีข้อมูลมากนัก หรือจะ 3-bet กลับไปเลยตั้งแต่ pre-flop อาจจะทำให้คู่ต่อสู้ fold ได้ แต่ถ้าถูก call เราก็กำลังจะเล่น pot ที่ใหญ่มากด้วยไพ่ในมือที่เป็นรองเขาอยู่

            การ all-in เพื่อสู้กับผู้เล่นที่ raise มาในช่วง pre-flop คล้ายๆกับการ all-in ด้วย JJ ที่เราพูดถึงไปแล้วในข้างต้น ในสถานการณ์นี้เรามักจะเป็นรองอยู่ (ตามปกติแล้วคนที่ raise มาย่อมมีไพ่ที่ดีอยู่ในมือเสมอ) การเดิมพันแบบนี้จึงมี  EV ที่เป็นลบเอามากๆ

            เป้าหมายในการเล่น JJ ก็คือ ทำให้ pot นั้นเล็กที่สุด ให้ check หรือ call ในจุดที่เห็นว่าสมควร ไม่ควรเดิมพันเพิ่มในทุกๆกรณี จำเอาไว้เสมอว่า JJ เป็นคู่ธรรมดาคู่นึงที่ยังมีไพ่อื่นที่สูงกว่าอยู่ เพราะฉะนั้นทางออกที่ดีที่สุดในรอบ pre-flop คือ ทำ pot ให้เล็กและควบคุมได้ง่าย

JJ ถือว่าเป็น middle hand ที่ดีที่สุด

            JJ เป็น middle hand ที่ควรค่าแก่การคิดไตร่ตรอง เนื่องจากเป็นไพ่คู่ที่ดีที่สุดแล้วในหมวดนี้ มีไพ่น้อยกว่า 1 ใน 4 ของสำรับที่สูงกว่า JJ แต่ถ้ามีผู้เล่นคนอื่นได้รับไพ่ที่สูงกว่า J ใบนึง เขาจะได้เปรียบเรา 16% ทันที และถ้าเขาได้รับไพ่ที่สูงกว่า J ทั้งสองใบ เขาจะได้เปรียบเราทันที 32%

            ตามที่อธิบายไว้ข้างต้นผู้เล่นคนอื่นๆมีโอกาสจะได้รับไพ่คู่ที่สูงกว่าเราอยู่ 1 ต่อ 8 หรือ 12% ดังนั้นจะมี 12% ที่จะชนะเราในรอบ pre-flop และผู้เล่นที่มีไพ่สูงกว่าเราทั้งสองใบจะตามเข้าไปดู flop อีก 32% ฉะนั้นตอนนี้เราเสียไปแล้ว 44%

            ตัวเลขพวกนี้เป็นการคำนวณจากหลักสถิติที่ไม่ได้สนใจเรื่องของจิตใจและวิธีการเล่นของผู้เล่นคนนั้น เพราะฉะนั้นผู้เล่นที่ได้รับไพ่ที่สูงกว่า JJ อาจจะไม่ call ตามเพื่อเข้าไปดู flop ก็ได้ เพียงแต่ตัวเลขนี้สามารถเป็นแนวทางให้เราได้ว่า จุดยืนของไพ่คู่นี้มันอยู่ตรงไหนกัน

ตารางตัวเลขสำหรับ JJ

            การคำนึงถึงเปอร์เซ็นต์ความได้เปรียบหรือเสียเปรียบทุกๆครั้งที่เราเล่น จะทำให้การเล่นนั้นง่ายขึ้น ถ้ามี AA กับ 77 เราก็รู้อยู่แล้วว่า AA ได้เปรียบและมีโอกาสที่จะชนะมากกว่า 77 ถ้ามี KK กับ T5 เราก็รู้ว่า KK เป็นไพ่ที่ได้เปรียบมากกว่า T5 แน่นอน

            ตารางแรกจะเป็นการสุ่มจำนวน hand ในแต่ละรอบเพื่อเอามาวัดกับ JJ โดยการใช้คอมพิวเตอร์คำนวณการสุ่มซ้ำๆของไพ่ในมือและไพ่บนบอร์ดในทุกๆรอบตั้งแต่ flop turn และ river และการสุ่มในแต่ละจำนวน hand จะสุ่มมากกว่า 1 ล้านครั้งขึ้นไป

จำนวน hand ที่สุ่ม เปอร์เซ็นต์ความได้เปรียบของ JJ
9 19%
8 22%
7 25%
6 29%
5 34%
4 40%
3 49%
2 61%
1 78%

                จากตารางจะเห็นได้ว่ายิ่งจำนวนผู้เล่นเพิ่มมากขึ้นมากเท่าไหร่ อัตราความได้เปรียบของเราก็จะลดน้อยลงเท่านั้น เพราะฉะนั้นถ้ามีผู้เล่นที่อยู่ใน pot เยอะ โอกาสที่เราจะแพ้ก็จะเยอะมากขึ้นด้วย           

                ตารางต่อไปจะแสดงค่าความได้เปรียบของ JJ เมื่อเทียบกับไพ่ที่เจาะจงมากขึ้น โดยไพ่ในตารางนี้มักจะเป็นไพ่ที่ call เข้ามาดู flop ด้วยกัน

ไพ่ในมือคู่ต่อสู้ เปอร์เซ็นต์ความได้เปรียบของ JJ
AA KK QQ 18%
TT 83%
AKs 54%
ATs 68%
78s 78%

                ในสถานการณ์การเล่นแบบตัวต่อตัว JJ เป็นไพ่ที่ได้เปรียบเกือบจะทั้งหมด ยกเว้นแค่ AA KK QQ เท่านั้นเอง จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม JJ ถึงติด 10 อันดับไพ่ที่ดี แต่น่าเสียดายที่ในโลกแห่งความเป็นจริง เรามักจะถูก call ด้วยไพ่ที่สามารถเอาชนะเราได้ ดังนั้นเวลาที่เรา raise เข้าไป เราจะต้องรู้ก่อนว่าไพ่ของเราอยู่ที่จุดไหน ได้เปรียบ หรือเสียเปรียบกันแน่

                3 ตารางด้านล่างนี้ จะบ่งบอกค่าความได้เปรียบใน pot ที่ดีสำหรับ JJ ไม่ดีสำหรับJJ และอันสุดท้ายเป็นแบบผสม

Hand เปอร์เซ็นต์ความได้เปรียบ
J♣ J♦ 53%
9♥ 9♣ 9%
4♣ 5♣ 14%
3♦ 3♠ 13%
9♠ T♥ 11%
Hand เปอร์เซ็นความได้เปรียบ
J♣ J♦ 9%
A♥ A♣ 45%
K♣ Q♣ 12%
5♦ 6♦ 20%
10♥J♥ 15%
Hand เปอร์เซ็นความได้เปรียบ
J♣ J♦ 37%
A♥ K♣ 24%
3♣ 3♥ 15%
5♦ 6♦ 15%
A♦ 9♦ 9%

                ตารางทั้ง 3 ตารางข้างต้นพอจะทำให้เราเห็นตัวเลขที่แกว่งอยู่พอสมควร ซึ่งทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้เล่นที่อยูใน pot และไพ่บนมือของผู้เล่นนั้นๆด้วย

                ในตารางที่ 3 เราจะเห็นว่าค่าความได้เปรียบของ JJ อยู่ที่ 37% ดูเหมือนว่าเราจะมีอัตราการชนะเหนือกว่าคนอื่นๆอยู่มาก และความผิดพลาดของผู้เล่นก็มักเกิดจากตรงนี้นี่เอง คือ มองคู่ที่ใหญ่กว่าเราเพียงอันเดียว จึงทำให้วิธีการเล่น JJ ไปเหมือนกับการเล่น KK หรือ AA ซึ่งถ้ามองย้อนกลับในตารางที่2 เราจะเห็นว่าค่าของตัวเลขนั่นต่างกันมากทีเดียวระหว่าง JJ และ AA

ในรอบ flop

                หลังจากที่เราทราบอัตราการต่อรอง จุดอ่อน จุดแข็งของ JJ กันไปแล้ว ทีนี้เราจะมาดูการตัดสินใจกันดีกว่า ว่าจะเล่นยังไงในรอบ flop ดี

                หลักการพื้นฐานของโป๊กเกอร์ข้อนึงก็คือ อย่าเดิมพันใน middle hand เพราะว่าการเดิมพันใน middle hand ผู้เล่นที่มีไพ่แย่กว่าเรามักจะไม่ call มีแต่ผู้เล่นที่มีไพ่ดีกว่าเราทั้งนั้นที่จะ call มา

                JJ เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดสำหรับ middle hand ในรอบ pre-flop และถึงแม้ flop จะทำให้ hand ดีขึ้น แต่ยังไงก็ยังเป็น middle hand อยู่ดี แต่ถ้าคู่ต่อสู้ติด flop ปุ๊ป ไพ่ middle hand ในมือของเราจะกลายเป็น bottom hand ในทันที พอถึงจุดนั้นมันก็ไม่สำคัญแล้วว่าเราจะถืออะไร เพราะ JJ หรือ 23 ก็มีค่าเท่ากัน อาจจะดีกว่าแค่ JJ ถือว่าเป็นไพ่ที่ดีที่สุดสำหรับ middle hand และ bottom hand แต่ถ้าไม่มีผู้เล่นคนไหนมี top hand แสดงว่าเป็นโชคดีของเรา ดังนั้น JJ จะเป็นไพ่ที่ดีหรือไม่ดีก็ขึ้นอยู่กับว่าสู้กับไพ่อะไร และบอร์ดที่ออกมามันเอื้อกับไพ่ในมือมากแค่ไหน การที่ไพ่บนบอร์ดจะเอื้อกับเราเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากพอสมควร เพราะฉะนั้นคุม pot ให้เล็กก่อนที่จะเข้ามาเล่นทุกครั้ง

Hand เล็กก็ pot เล็ก

                เหมือนที่เราย้ำกันมาตั้งแต่ช่วงต้นของบทความ ถ้าเรามี hand ที่ไม่ได้ดีมาก เราก็ต้องเล่นให้ pot เล็กที่สุด ผู้เล่นมือใหม่อาจจะสงสัยว่าอะไรคือ hand เล็ก สมมติ flop ออก 2♣ 4♥ 9♠  JJ ที่เราถือก็ยังเป็น hand เล็กอยู่ เพราะคู่ต่อสู้ของเราอาจจะมีคู่ที่สูงกว่าในมือหรืออาจจะติด set จากบอร์ด ในสถานการณ์นี้เราก็ควรจะทำ pot  ให้เล็กที่สุด ด้วยการ check call หรือเดิมพันให้น้อยกว่าครึ่งนึงของ pot อย่าเดิมพันหนักๆหรือ call ตามด้วยเงินเดิมพันจำนวนมาก เพราะเรากำลังทำให้ pot เติบโตอย่างต่อเนื่อง และทำให้การเดิมพันในแต่ละครั้งเพิ่มมูลค่ามากขึ้นเรื่อยๆอีกด้วย pot ใหญ่สำหรับ hand เล็ก ดูเป็นอะไรที่ไม่คุ้มค่าซักเท่าไหร่

                แต่แน่นอนอยู่แล้วว่าสถานการณ์มีผลมากในการเล่นโป๊กเกอร์ ถ้าคู่ต่อสู้ของเรายินดีที่จะ all-in ด้วยไพ่คู่กลางๆหรือต่ำกว่านั้นในการเล่น สถานการณ์เช่นนี้ JJ ของเราจะกลายเป็นไพ่ที่ดีขึ้นมาเลยทีเดียว เพราะไพ่ของเราถือว่าเป็นไพ่ที่ดีที่สุดสำหรับกลุ่มไพ่นี้แล้ว

รอบ flop เล่น JJ ยังไงดี ?

                ในรอบ flop ไพ่ที่จะถูกเปิดออกมาสามารถเป็นอะไรก็ได้ ซึ่งเราคาดเดาตรงนี้ไม่ได้อยู่แล้ว มีความน่าจะเป็นหลายอย่างมากๆ แต่จริงๆแล้วก็ถูกแบ่งออกเป็น 3 สถานการณ์ใหญ่ๆ

                Flop ที่เราจะทำให้ไพ่ของเราดีขึ้น และเป็นไพ่ที่ดีที่สุด อย่างเช่น flop J♣ 7♦ 2♦.

Hand โอกาสที่จะชนะ
J♦J♥ 73%
A♣A♦ 11%
10♥9♦ 15%

                ในตัวอย่างนี้เราจะเห็นว่า ถึงแม้คู่ต่อสู้จะมี AA ที่ถือว่าเป็นไพ่ที่ดีมากๆ แต่ก็มีโอกาสที่จะแพ้ JJ ได้มากทีเดียว ในสถานการณ์นี้เรากำลังเป็นไพ่ที่ดีที่สุดอยู่ เพราะฉะนั้นเราจะต้องงัดกลยุทธ์ต่างๆมาเล่นเพื่อให้ pot ใหญ่ขึ้นเท่าที่เราจะสามารถทำได้

                Flop ในรูปแบบต่อไปของเรา คือ 8♥ 2♥ 6♦.

Hand โอกาสที่จะชนะ
J♦J♥ 44%
A♣K♠ 12%
10♥9♥ 44%

                เมื่อเห็น flop แบบนี้ เรากำลังถือ overpair อยู่ และโอกาสที่จะชนะก็มีสูงเลยทีเดียว ก็ถือว่าไพ่ในมือเราดีนะเพียงแต่ว่าเราก็ยังไม่ได้เปรียบคู่ต่อสู้ของเรามากนัก เพราะโอกาสที่คู่ต่อสู้ของเราจะติด flush ในใบต่อไปก็เป็นไปได้ หรือคู่ต่อสู้อาจจะมีคู่ที่ใหญ่กว่าเราก็ได้ เช่น AA KK QQ และอาจจะทำให้เรากลายเป็นคนที่แพ้ไป ในสถานการณ์นี้เราไม่ควรที่จะเอาตัวเองเข้าไปเล่นเหมือนตัวอย่างที่แล้ว รอบนี้เราควรจะควบคุม pot ให้เล็กเอาไว้ก่อน เพื่อที่จะดูไพ่ใบต่อไปว่าจะทำให้ไพ่ในมือเราดีขึ้นหรือทำให้ไพ่ในมือคู่ต่อสู้ดีขึ้นกันแน่

                Flop สุดท้ายของเรา A♠ 7♣ 6♣.

Hand โอกาสที่จะชนะ
J♦J♥ 7%
A♣K♠ 74%
10♥9♥ 18%

                ในสถานการณ์นี้เรามีอยู่แค่ 7% เท่านั้นที่จะชนะ ตัวเลือกในสถานการณ์แบบนี้ไม่ยากเลย ทางออกที่ดีที่สุดก็คือ หมอบ ถึงแม้จะเป็น pot เล็กๆ แต่ flop แบบนี้ไม่ได้เอื้อกับไพ่ในมือเราซักนิด เว้นแต่ว่าเราจะมี implies odds ที่ดีมากจริงๆ ถ้าเราและคู่ต่อสู้มีชิพมากกว่า 500BB และเราสามารถบอกได้ว่าคู่ต่อสู้จะ all-in ด้วย AK และในรอบ turn เราจะได้ J บนบอร์ดอีกใบนึงเพื่อติด set ถ้ารู้ได้ขนาดนี้เราก็สามารถ call ได้ แต่ถ้าไม่ได้เราจะเอาเงินไปโยนทิ้งทำไม ?

เล่น JJ ยังไงในทัวร์นาเมนต์

                การเล่น JJ ในทัวร์นาเมนต์นั้นยากกว่าการเล่นบนโต๊ะปกติมาก เพราะในช่วงแรกนั้นเรามี stack ที่เล็กมาก และในการเล่น stack เล็กการเอาชนะในช่วง pre-flop เป็นสิ่งที่เราควรจะให้ความสำคัญมาก สำหรับ stack 20BB JJ ถือว่าเป็นไพ่ที่ดีเลยทีเดียว และเราควรจะ all-in ในช่วง pre-flop หรือ flop ก่อนที่เราจะโดนสอยอีกด้วย

                กลยุทธ์ในการเล่น stack เล็กๆแตกต่างจากการเล่น stack ใหญ่ๆอยู่แล้ว การเล่นที่จะสร้างมูลค่าต่ำกว่า 100BB ย่อมต่างจากการเล่นที่จะสร้างมูลค่ามากกว่า 100BB ถ้าเราอยู่ใน pot ที่ไม่มีท่าทีจากผู้เล่นคนไหนเลยว่าเขาถือไพ่ที่ดีอยู่ในมือ ให้เราเดาได้เลยว่า JJ ที่เราถืออยู่นั่นดีที่สุดแล้วและเล่นไปให้สุด

                การตัดสินใจพลาดในการเล่นทัวนาเมนต์เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ถึงแม้ว่ามันจะเป็นความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆก็ตาม เพราะมันมีผลต่อการเล่นทัวนาเมนต์ของเราทั้งเกม และการเล่นทัวนาเมนต์นั้นอาศัยทักษะในการอ่านไพ่และสถานการณ์มากกว่าเกมปกติ ถ้าเรามีสัมผัสที่6และรู้ได้ว่าคู่ต่อสู้เราถือไพ่ดีกว่าเราหรือแย่กว่าเราก็จะดีไม่น้อยเลย

                JJ ถือเป็นไพ่คู่ที่เล่นยากที่สุดคู่นึง ผู้เล่นมือใหม่จึงต้องเล่นด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง ถ้าเป็นไพ่ที่ไม่ได้ดีมากในขณะนั้นก็ทำ pot ให้เล็ก แต่ถ้าไพ่ที่ถืออยู่ดีที่สุดแล้วก็เล่นให้สุดเช่นกัน แต่อย่าหมดตัวด้วยคู่เพียงคู่เดียวนะ ถ้าเล่นไม่ได้ก็อย่าฝืน

Source : https://www.pokerlistings.com/strategy/poker-theory/pocket-jacks-part-1-preflop-play