มาพูดถึงเรื่องคู่ K กัน
การเล่นคู่คาวบอย (คู่ K) นั้นค่อนข้างง่ายในสถานการณ์ส่วนใหญ่ แต่ทุกครั้งที่ A โผล่มาอย่างน่ากลัวที่ flop มันทำให้ผมต้องนึงถึงมีมรูปนี้ :
(A : สมมติว่าเราถือ KK คิดว่า flop จะออกมาเป็นอะไร?
B : Ad9dTd
A : โอเค เรารับคุณเข้าทำงาน! (ที่ PokerStars))
ในบทความนี้ เราจะมาช่วยเพิ่มอัตราชนะให้คุณในการเล่นคู่ K โดยเนื้อหาจะครอบคลุมถึง :
- วิธีเล่นคู่ K ในสถานการณ์ทั่วไปตอน preflop
- วิธีเล่นคู่ K เมื่อเราเป็น overpair
- วิธีเล่นคู่ K เมื่อ flop มี A-high
มาเริ่มกัน
วิธีเล่นคู่ K ในสถานการณ์ทั่วไปตอน preflop
Pot ที่ยังไม่มีใครเปิด
ชัดเจนว่า KK คือแฮนด์เริ่มต้นที่แข็งแกร่งที่สุดอันดับ 2 ในสำรับ รองจาก คู่ A
ด้วยเหตุนี้ เราจึงควรจะ raise แฮนด์นี้ตอน preflop จากทุกตำแหน่ง เมื่อทุกคน fold มาก่อนหน้า อย่า limp ด้วยคู่ K เพราะมันจะทำให้เราชนะ pot เล็กลง โดยเฉลี่ย
เมื่อมีคน raise มาก่อน
เมื่อเจอคน raise เราควร 3-bet ด้วยคู่ K ทุกครั้ง เรื่องนี้คุณอาจจะรู้อยู่แล้ว แต่รู้หรือไม่ว่าเราควรใช้ขนาดของการ 3-bet เท่าไหร่?
เมื่อเรา in position เจอกับคนเปิด เราควร 3-bet ประมาณ 3-3.5 เท่าของที่ raise มา ดังนั้นถ้าคู่แข่งเรา raise มา $6 ในเกม $1/$2 เราก็ควร 3-bet ประมาณ $20
เมื่อเรา out of position เจอกับคนเปิด ขนาดของการ 3-bet ควรจะอย่างน้อย 3.5x ของที่ raise มา ถ้า stack deep มากๆ (เกิน 200bb) เราอาจจะ raise ใหญ่ขนาด 5x จาก BB เลยก็ได้
เราไม่ควรแค่ call ด้วยแฮนด์นี้ เหตุผลอย่างแรกก็คือ เรามีแรงจูงใจที่จะสร้าง pot ให้ใหญ่มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ นอกจากนี้ คู่ K ยังได้ประโยชน์จาก การ deny equity เพราะ Ax ที่อ่อนแอกว่าใน range ของคู่แข่ง (เช่น Ato หรือ A6s) มีโอกาสจะ fold ได้ ทำให้เป็นการปิดโอกาสไม่ให้คู่แข่งขึ้นนำจากการ flop ติดคู่ A ใน A-high flop
เมื่อเจอ 3-Bet
เมื่อ KK ของเราเจอ 3-bet ควรจะเล่นต่อด้วยการ 4-bet เกือบจะทุกครั้ง เพื่อสร้าง pot ให้ใหญ่ขึ้น เพราะโดยรวม คู่ K ของเราจะ dominate ทุกแฮนด์ยกเว้นแฮนด์เดียวที่เป็นไปได้ของคู่แข่ง
คำแนะนำผู้เขียน : สถานการณ์หนึ่งในแคชเกมที่เราอาจจะไม่อยาก 4-bet ด้วยคู่ K คือเมื่อเรามี stack ที่ deep มากๆ แล้วเจอกับคู่แข่งที่ tight มากๆ แต่อย่าลืมว่าโอกาสแบบนี้ค่อนข้างเกิดขึ้นได้ยาก
ส่วนเรื่องขนาด เราต้อง 4-bet ประมาณ 2.2-2.3x ของขนาด 3-bet เมื่อ in position และ 2.5-2.7x เมื่อ out of position ดังนั้น ถ้าคู่แข่ง 3-bet มา $20 เราต้อง reraise กลับไปประมาณ $44 เมื่อเรา in position และ $52 เมื่อเรา out of position
บทความแนะนำ : โปรโป๊กเกอร์ระดับท็อป รู้อะไรบ้างเกี่ยวกับการ 4-Bet
เมื่อเจอ 4-Bet
คู่ K เป็นเพียงหนึ่งใน 2 แฮนด์ที่แฮปปี้ที่จะเจอ 4-bet
การ slow-play อาจจะเป็นทางเลือกที่ยอมรับได้ในสถานการณ์นี้ แต่ไม่ควรจะทำบ่อย เพื่อแฮนด์ยังคงได้ประโยชน์จาก fold equity หรือการ deny equity นอกจากนี้ การ shove ยังทำให้เราหลีกเลี่ยงการเล่น postflop ที่ลำบาก ถ้าเจอ A ตกที่ flop อีกด้วย
นั่นทำให้ โดยส่วนใหญ่ แล้ว เราจึงควร 5-bet all-in แบบง่ายๆไปเลย
คำแนะนำ 3 ข้อ เมื่อเราเป็น overpair ที่ flop ด้วย KK
ข้อที่ #1: เมื่อเรา in position ให้ bet เพื่อเรียก value เกือบทุกครั้ง
นี่รวมถึงทั้งใน single raised pots และ 3-bet pots ด้วย เพราะเราต้องการเรียก value เพื่อทำให้ pot ใหญ่ขึ้นในทันที
อย่า slow-play โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร!
และเมื่อพูดถึงเหตุผลอันสมควรในการ slow-play แล้ว…
ข้อที่ #2: พิจารณาเล่นให้ช้าลงเมื่อเจอ flop ที่เป็นเลขต่ำ เรียงกัน ทั้งเมื่อ in position และ out of position
ผมพูดถึง flop อย่างเช่น 7♠ 6♥ 4♣ หรือ 6♥ 5♥ 4♠
board แบบนี้ มักจะเข้าทาง range ของ preflop caller ที่มักมี คู่เล็กๆ suited connector มากกว่า ทำให้เขาจะมีสิ่งที่เรียกว่า nut advantage ใน board แบบนี้ ซึ่งแปลว่า เขามีโอกาสจะมีแฮนด์ที่ strong มากๆ (2 pair ขึ้นไป) เป็นสัดส่วนที่สูงของ range ทั้งหมด เมื่อเทียบกับคู่แข่ง
การ check เพื่อคุมขนาดของ pot เป็นกลยุทธ์ที่ดีใน flop ที่ตัวเลขเรียงกันแบบนี้ เราควรสร้างกลยุทธ์ให้มาในแนวทางนี้ เพราะถ้าเรา bet แล้วโดน call ไพ่หลายใบที่ตกที่ turn มักจะทำให้เราเล่นยาก ทำให้เราอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเล่นใน pot ใหญ่ ใน board ที่เสี่ยงและอันตราย
ข้อที่ #3: เล่นช่วงถ้ดจาก flop ด้วยความระมัดระวัง กับ overpair ของเราใน multiway pot!
overpair ของเรา เป็นแฮนด์ที่ค่อนข้างดีบน flop ใน multiway pot (pot ที่มีผู้เล่นหลายคน) แต่การลดลงของ equity จาก flop ไป turn จะสูงขึ้น เมื่อมีผู้เล่นตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป ที่ต้องแชร์ equity ร่วมกัน และยิ่งแย่ขึ้น เมื่อมีคนที่มาร่วมเล่น flop 3 คนหรือมากกว่านั้น ที่ call bet ที่ flop ของเราได้
เมื่อเราเล่น turn แบบ multiway จะมีความเสี่ยงมากขึ้น เพราะ ภาระของการป้องกัน นั้นกระจายกันระหว่างผู้เล่น แปลว่า คู่แข่งของเราควรต้องเล่น tight ขึ้น ดังนั้น เมื่อพวกเขา call แปลว่า range ของเขาจะต้องแข็งแกร่งกว่าปกติมากๆ เมื่อเทียบกับเวลาพวกเขาเล่น heads-up pot
คำแนะนำ 3 ข้อ ในการเล่นคู่ K เมื่อ flop มี A-high ที่อันตราย
ข้อที่ #1: ใน 3-bet pot เราควรเล่นต่ออย่าง aggressive ด้วยการ c-bet
ผมจะไม่พูดให้สวยงาม สถานการณ์แบบนี้มันแย่มากๆ!
เราคงจะไม่ลงเงินใน pot มาก ถ้า flop ไม่มี K ตกที่ turn หรือ river แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าเราควรจะ check ที่ flop
เราต้องโฟกัสที่ภาพรวมทั้งหมดใน range ซึ่งทำให้ A-high flop นั้นเป็น flop ที่เข้าทางสำหรับ 3-bettor มากๆ (ไม่ว่าเราจะ in position หรือ out of position ก็ตาม)
อย่าลืมที่จะ bet เล็ก เพราะเราแค่ต้องการให้คู่แข่งเล่นต่อกับแฮนด์ที่แย่กว่าแฮนด์ของเรา เราไม่ได้จะ bluff แต่เรา bet เพื่อต้องการ value เล็กน้อยจาก range ที่ได้เปรียบของเรา
ข้อที่ #2: ใน 4-bet pot เราก็ยังควรเล่นต่ออย่าง aggressive ด้วยการ c-bet
แทบจะไม่ต่างจาก 3-bet pot A-high flop ยังคงเข้าทาง 4-bettor อย่างมาก ไม่ว่าเราจะ in หรือ out of position ด้วยเหตุผลนี้ จึงเหมาะที่สุดด้วยการ c-bet ด้วย KK ของเรา
ข้อดีของการเล่นแบบนี้ยังรวมไปถึง
- ทำให้ range ของเรา ไม่ถูก cap
- ได้ realizing equity บางส่วน (เพราะเรามีโอกาสสูงที่จะได้เห็น turn)
- ได้ value บางส่วนจาก hand ที่แย่กว่า
- ได้ deny equity ของคู่แข่งบางส่วน
แม้อาจจะรู้สึกไม่สบายใจบ้าง แต่การ c-bet เล็กๆ คือแนวทางการเล่นที่เหมาะที่สุดบน A-high flop ใน 4-bet pot
ข้อที่ #3: ถ้าเราเจอการต่อต้านหลังจากที่ bet ไป ให้ยอมทิ้ง pot
เรามีแฮนด์ที่ดีมากๆตอน preflop แต่อาจเจอ flop ที่แย่ เรา bet ที่ flop ตามที่แนะนำข้างต้น แต่ตอนนี้เรากำลังอยู่บน game tree ที่ KK อาจจะไม่ได้มี EV มากขนาดนั้น ซึ่งก็ไม่เป็นไร
อย่าคิดว่าเราต้องชนะทุก pot เพียงเพราะเรามีแฮนด์ที่เยี่ยมมากๆใน street ก่อนหน้า!
บางครั้งเราก็ต้องยอมแพ้ และมูฟออนไปเล่นแฮนด์ต่อไปดีกว่า
สรุปเนื้อหา
ในความเห็นของผม ส่วนที่ยากที่สุดของการเล่นคู่ K คือการยอมแพ้แฮนด์ เมื่อสถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้ ไม่เข้าทางเรา “แต่ยึดติดกับแฮนด์ของเรา” คือคำพูดสุดคลาสสิกของโป๊กเกอร์ ที่ยังเป็นจริงเสมอจนถึงปัจจุบัน