ตัวอย่าง hand 3 กลุ่มที่แสดงถึงความสำคัญของ SPR

เนื่องจากมีการเล่น postflop มากกว่า ทำให้แคชเกม ดูเหมือนจะเล่นยากกว่าทัวร์นาเมนต์

อย่างไรก็ตาม นักเล่นทัวร์นาเมนต์ที่เก่งๆ จะสามารถปรับการเล่นทุกรอบตามขนาดของ stack ที่แตกต่างกันได้

ในบทความนี้ เราจะมาเรียนเรื่อง stack-to-pot ratio (SPR) และผลกระทบของมันกับการเล่น postflop ซึ่งเราจะมาดูตัวอย่าง 3 แบบกับ SPR ที่แตกต่างกัน

  1. SPR สูง คือ ประมาณ 10 เท่าขึ้นไป
  2. SPR ปานกลาง คือ ประมาณ 5 เท่า
  3. SPR ต่ำ คือ น้อยกว่า 2.5 เท่า

มาเริ่มกัน!

Stack-to-Pot Ratio คืออะไร?

Stack-to-pot ratio (SPR) คือสิ่งที่เป็นตามชื่อของมันเลย คือ สัดส่วนของ stack ที่เล็กที่สุดใน hand นั้น หารด้วย มูลค่าของ pot 

ตัวอย่างเช่น สมมติเรากำลังเล่นแคชเกม  $2/$5 ที่ทุกคนมี stack อยู่ $500 เรา raise จาก BTN $15 และเหลือแค่ BB ที่ call 

ตอนนี้ pot คือ $32 (สมมติว่าไม่มี rake ในการเล่น) โดยเหลือ stack $485 ดังนั้น SPR คือ 

stack to pot ratio calculation

ถ้า SPR เพิ่มขึ้น เกมก็จะยิ่งมีความซับซ้อนเพิ่มขึ้นด้วย เช่นเดียวกับระดับของทักษะ SPR 15.15 เท่านั้นถือว่าค่อนข้างสูง ดังนั้นจะมีการฟาดฟันกันตอน postflop ค่อนข้างมาก ใน hand สมมตินี้

เพื่อให้เราเข้าใจ SPR และความสำคัญของมันมากขึ้น และนี่คือสิ่งเล็กๆที่เราได้จาก Upswing Lab

SPR มีประโยชน์มากในการใช้ประเมินความแข็งแกร่งของ hand ตอน postflop

เมื่อเจอ SPR 1 เท่า AT บน flop T87 นั้นถือว่า strong มาก และสามารถเล่นด้วยชิพที่เหลือทั้งหมดได้ แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้า SPR คือ 10 เท่า hand นี้ อย่างดีที่สุดจะมีความ strong แค่ปานกลาง และถือเป็นหายนะถ้าเล่นด้วยการ all-in  

ดังนั้นนี่คือกฎพื้นฐานของ SPR : เมื่อ SPR ต่ำๆ 1 pair หรือ top pair จะถือว่าใหญ่มาก แต่ในสถานการณ์ที่ SPR สูงๆ ควรจะต้องมี 2 pair หรือดีกว่านั้นในการเล่น pot ใหญ่และหวังว่าจะชนะ

เรามาลองลงลึกใน hand history เหล่านี้กัน

สูง : SPR 10+ 

hand ที่เป็น deep SPR ถือเป็นสิ่งที่ทำเงินให้นักเล่นโป๊กเกอร์ที่เก่งๆเลยทีเดียว เช่น hand พวก pot ที่มีคน raise คนเดียว ในแคชเกม หรือช่วงต้นของทัวร์นาเมนต์ที่คนส่วนใหญ่มี stack อย่างน้อย 70bb ขึ้นไป

นักเล่นโป๊กเกอร์หลายคนคิดว่าตัวเองเล่นในสถานการณ์แบบนี้เก่ง แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกนี้มักจะลืมคิดถึงว่า SPR จะเป็นยังไงในการเล่นรอบต่อๆไป

ตัวอย่าง hand ดังต่อไปนี้ บางคนอาจจะเคยเห็นมาบ้าง มันคือการเล่นระหว่าง James Obst กับ Michael Ruane ตอนเหลือ 25 คนในรายการ 2016 WSOP Main Event

ถือเป็น hand แห่งความทรงจำของทัวร์นาเมนต์ เมื่อ Obst ตัดสินใจ fold ที่ river อย่างเจ็บปวด แต่เราจะไปโฟกัสกันว่า SPR มีผลต่อการเล่นแต่ละรอบอย่างไร มากกว่าเรื่องของการ fold ของ Obst ที่ river 

blinds อยู่ที่ 100k/200k Fernando Pons เปิดจาก UTG ไป 450k ด้วย K♦ Q♦. Ruane call ที่ BTN ด้วย 9♣ 8♣ และมี Obst call ที่ SB in ด้วย 7♥ 7♦ ส่วน Nguyen call ที่ BB ด้วย 9♥ 6♣ รวมมีผู้เล่น 4 คน flop เปิดออกมาเป็น 

Q♠J♣7♣

จาก flop ทำให้ Obst ติด bottom set Ruane มี gutshot straight flush draw และ Pons ที่เป็น preflop raiser มี top pair good kicker

จากมูลค่า pot 2.025 ล้าน stack size และ SPRs ของแต่ละคนคือ :

  • Pons 17.7 ล้านชิพ — SPR 8.74 เท่า
  • Ruane 21.5 ล้านชิพ — SPR 10.62 เท่า
  • Obst 25.4 ล้านชิพ — SPR 12.54 เท่า
  • Nguyen 5.8 ล้านชิพ — SPR 2.86 เท่า

Pons c-bet ต่อที่ 625k Ruane raise กลับไปที่ 2.025m และ Obst ก็ cold 3-bet ใส่ไปอีกที่ 5.3m Nguyen และ Pons หมอบทันที และ action กลับมาที่ Ruane.

จุดนี้ถือเป็นการ call ที่ง่ายของ Ruane hand ของเขาไม่เหมาะกับการ raise อีกทีเมื่อเจอ 3-betting range ที่ flop ของ Obst ซึ่งจะมี 2 pair เป็นอย่างน้อย รวมถึง  bottom set หรือ  flush draw ที่ strong กว่า

ที่น่าสนใจกว่านั้นคือการ raise เป็นคนแรกของ Ruane ถึงแม้มันจะเป็นการเล่นที่ค่อนข้างโอเค แต่เป็นเรื่องที่สำคัญมากที่เขาต้องประเมิน SPR สำหรับตอน river ถ้าเขาโดน 3-bet ที่เป็นตอนที่จุดจบของการเล่นได้เกิดขึ้น

ไม่เพียงแต่ Obst จะมี hand ทั้งหมดที่กล่าวไปได้ Pons เองก็สามารถมี set ทั้งหมด (โดยเฉพาะเมื่อเล่น 4-way กับ board texture แบบนี้ที่เขาไม่น่าจะ check top set ได้) รวมถึง flush draw ที่ strong กว่าได้เช่นกัน

ถ้าทั้ง Obst หรือ Pons ตัดสินใจ 3-bet Ruane จำเป็นต้อง call และทำให้ SPR มีค่ามากกว่า 1 เท่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้นตอน turn แปลว่า ถ้า turn ไพ่ตกมาไม่เกี่ยวกับ board แล้วคู่แข่งของเขาตัดสินใจ  all-in ใส่ Ruane จำเป็นต้อง fold และยอมเสีย equity ไปจำนวนมาก

การ fold drawing hand ที่เรามี equity สูง แต่ไม่สามารถ call การ all-in ที่เราไม่มี odds ที่ดีเพียงพอได้ ถือเป็นสถานการณ์ที่เราควรหลีกเลี่ยงอย่างมาก ในกรณีนี้ การ flat call แทนที่จะ raise ตอน flop จะทำให้ Ruane สามารถเล่นตอน turn และ river ง่ายกว่ามาก โดยเฉพาะกับกรณีที่เรามี combo อย่าง 9♣ 8♣ เพราะเขาจะมี equity มากพอตอน turn ที่จะ call bet ใหญ่ได้

อย่างไรก็ตาม Ruane call 3-bet และ turn ออกมาเป็น :

T♣

Ruane ติด  straight flush ทำให้ Obst กลายเป็น drawing dead ตอนนี้ pot มีอยู่ 13.265m Ruane เหลือ stack 16.2m ขณะที่ Obst มีเหลือมากกว่าที่ 20.1m ทำให้มี SPR ที่ 1.19 เท่า

ทำให้ตอนนี้สถานการณ์ของ hand นี้เริ่มจะอันตรายเพราะมีเงินเดิมพันสูงมากเมื่อเทียบกับ stack

Obst check ให้ Ruane ซึ่ง bet ไป 3.75m หรือประมาณ 28% ของ pot

การ check ของ Obst นั้นสมเหตุผล เพราะตอนนี้เขาน่าจะตามหลัง range ของ Ruane เพราะมี flush card ออกมา ดังนั้นไม่ควรจะ bet ไปอย่างแน่นอน

ในอีกมุมหนึ่ง การตัดสินใจ bet เป็นจำนวนน้อยของ Ruane มีทั้งข้อดีและข้อเสีย เพราะมันทำให้ top 2 pair หรือ set ซึ่งมีโอกาสอย่างมากที่คู่แข่งของเขาจะมี มี value พอที่จะ call และมี SPR ที่ดีพอที่จะให้ call ต่อตอน river แต่ขณะเดียวกัน มันก็ทำให้ Obst call drawing hand อย่าง QJ ได้ยาก และลดโอกาสที่จะทำให้เขา bluff ที่ river ด้วยไพ่อย่าง KT หรือ T9 ลงไปอีก   

อย่างไรก็ตาม Obst ก็ call ไป ทำให้ odds ที่ river สูงขึ้น และ river ออกมาเป็น : 

T♦

เป็นไพ่ที่ทำให้สถานการณ์ของ Obst แย่ลงไปอีก? ตอนนี้เขามี full house ขณะที่ SPR อยู่ที่ 0.6 เท่า นั่นแปลว่า Ruane ควรจะสามารถ double up stack ได้ (และถ้าเป็นทัวร์นาเมนต์อื่น เขาน่าจะทำได้แน่ๆ)

Obst ดูเหมือน bet แปลกๆ ที่ river ไปเบาๆ ที่ 4.7m แต่จริงๆมันง่ายมากที่จะเห็นว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น เขาพยายามจะเรียก value ที่แน่นอนจาก flush ไปพร้อมๆกับพยายามหลีกเลี่ยงความสูญเสียครังใหญ่ถ้า hand ของเขาแพ้ อย่างไรก็ตาม เมื่อ SPR มีค่าน้อยขนาดนี้ bet size เดียวก็สมเหตุผลคือการ all-in เพราะอะไรที่น้อยกว่านี้จะทำให้เราได้ value น้อยลง และเป็นจุดที่การเล่นดูไม่ค่อยสมดุลเท่าไหร่ 

Ruance raise all-in กลับไปที่ 12.48m ทำให้ Obst มี pot odds ประมาณ 5 : 1 ที่จะ call แต่เขาเลือกที่จะ fold เพื่อรักษาทัวร์นาเมนต์ของตัวเอง

บางคนอาจจะคิดว่าการเล่นของ Obst สมเหตุผลดีแล้วตามสถานการณ์นี้ เพราะมันก็เข้าใกล้ final table ของรายการ main event ไปทุกขณะ แต่ในทางทฤษฎีแล้ว มันชัดเจนว่าเป็นการเล่นที่ค่อนข้างพลาด

บทสรุปที่เราได้จากเรื่องนี้คือ เมื่อ SPR ยิ่งสูงมากขึ้นเท่าไหร่ เราต้องยิ่งระมัดระวังกับ hand ที่จะต้อง all-in ด้วยมากขึ้นเท่านั้น

ปานกลาง : SPR ~5

hand ที่ SPR ปานกลาง ส่วนมากมักจะเป็นการ 3-bet pot ที่มี stack ประมาณ 100bb หรือ pot ที่มีคน raise คนเดียวที่ประมาณ 30bb ซึ่งมักจะเป็นการเล่นทัวร์นาเมนต์ที่เลยช่วงต้นไปสักระยะ 

ในส่วนนี้ เราจะไปดู hand ของ Doug Polk ในช่วงต้นของทัวร์นาเมนต์ 2016 $2,100 PokerStars SCOOP

blinds อยู่ที่ 150/300 และ effective stack ของ Doug is อยู่ที่ประมาณ 11.8k.

Villain เปิด 750 จาก HJ ผู้เล่นที่ตำแหน่ง BTN call และ Doug call ที่ BB ด้วย K♥ 7♥ flop ออกมา

T♥4♥2♠

Villain c-bet 1.2k และ BTN fold

เป็นสถานการณ์ที่น่าสนใจสำหรับ Doug เมื่อ SPR สูงกว่า 3 เท่าเล็กน้อย (หลัง Villain bet) ไม่ว่าจะ raise หรือ call ด้วย flush draw ก็ดูเหมือนจะเป็นทางเลือกที่ดีทั้งคู่

ถ้า SPR น้อยกว่านี้ เช่น ถ้าเขามี stack ประมาณ 8k จะทำให้การ chek-raise all-in เป็นทางเลือกที่เหมาะสมมากกว่า เพราะจะทำให้เขามีโอกาสชนะ pot ที่มีสัดส่วนสูงกว่า stack ของตัวเอง จากการ bet all-in

ในทางตรงข้าม ถ้า SPR สูงขึ้นกว่านี้ เช่นถ้า stack 15k จะทำให้การ call เป็นทางเลือกที่เหมะาสมมากกว่า การ check-raise all-in ถือเป็นการ overbet ที่มากเกินความจำเป็น หรือถ้าเรา check-raise ด้วย size ที่เล็กลง ก็อาจจะทำให้เราอยู่ในสถานการณ์ที่เล่นยาก ถ้าเราถูก jam all-in ใส่กลับมา

Doug ตัดสินใจ call และ turn ออกมาเป็น :

Q♥

ตอนนี้ pot มี 5.2k และ Doug เหลือประมาณ 10.2K ทำให้มี SPR อยู่เกือบ 2 เท่าพอดี Doug check Villain check back และ river ออกมาเป็น :

J♣

ถึงตอนนี้ Doug ต้องตัดสินใจว่าจะเลือกเล่น value bet ที่ river ไปตรงๆ หรือจะ check-raise ที่ river ดี? 

ในสถานการณ์นี้ที่เรามี strong hand การ check-raise จะสมเหตุผลมากกว่า ด้วยเหตุผล 2 ประการ :

  • โดยเฉลี่ยแล้ว การ check-raise จะทำให้เราชนะ pot ใหญ่กว่าการ bet ซึ่งเราต้องการ hand ที่ค่อนข้าง strong
  • check-raise ด้วย strong hand ช่วยให้เรา check-raise bluff ได้ ซึ่งทำให้ range ทั้งหมดของเราได้กำไรมากขึ้น

นอกจากนี้ Villain มีโอกาสมากมายที่จะ bet ได้หลาย hand และบาง hand ก็สามารถ call check-raise เราได้ เราสามารถ balance range ของเรา ด้วยการ check-raise bluff กับ hand ที่มี high card เป็นโพธิ์แดง เช่น A♥ 2x ได้อีกด้วย

Doug เลือกที่จะ check และ Villain bet มา 2.4k Doug check-raise all-in ด้วยขนาดที่เราควรเลือกเสมอ คือ SPR ประมาณ 2 เท่า และ Villain ก็ call ด้วย TT

เล็ก : SPR <2.5

hand ที่จะได้เห็น flop โดยมี SPR น้อยกว่า 2.5 เท่า มักจะเป็น 4-bet pot ในแคชเกม ที่มีขนาด stack ทั่วไป (ประมาณ 100bb), ใน 3-bet pot ในช่วงท้ายของทัวร์นาเมนต์ หรือใน pot ที่มีคน raise คนเดียวที่เป็น BB defend โดยมีน้อยกว่า 15bb

เราจะมาศึกษากันในสถานการณ์สุดท้าย ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เรามักจะเจอบ่อย แต่เป็นจุดที่มักจะไม่แน่ใจและเล่นผิดพลาดบ่อยที่สุด

สมมติว่า blinds อยู่ที่ 500/1k โดยมี ante 100 hero ของเราคือ James อยู่ที่ BB มี stack อยู่ 13k และ villain ของเราคือ Sean อยู่ที่ BTN และมี stack 68k

action fold จนมาถึง Sean ซึ่งเปิดไป 2.1k SB fold และ James defend ด้วย T♥ 9♣ flop ออกมา :

T♠7♣4♠

pot มีอยู่ 5.6k และ James เหลือ stack 10.6k ทำให้มี SPR น้อยกว่า 2 เท่า Sean c-bets ไปที่ 3.3k

ในสถานการณ์นี้ เราสามารถ check-raise all-in ได้ เพราะ SPR นั้นต่ำมากพอ แต่ถ้า SPR สูงขึ้น การ check-raise ด้วย top pair ที่ strong ปานกลาง จะเป็นการเล่นที่แย่ เพราะเรามักจะถูก call กับ hand ที่ strong กว่า ทำให้เราอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากตอน turn เพราะ pot ถูกทำให้ใหญ่ขึ้นโดยไม่จำเป็น

แต่เมื่อ SPR เหลือน้อยแบบนี้ เราสามารถ check-shove เพื่อ deny equity ของคู่แข่งเรา ที่ c-bet range มี combo ที่เป็น over-card จำนวนมาก ซึ่งมี equity น้อยเมื่อ call มาได้ ทำให้คู่แข่งของเราเจอสถานการณ์ที่ตัดสินใจลำบาก เมื่อการ call หรือ fold เป็นทางเลือกที่ไม่ต่างกันมากนัก  ทำให้เราสามารถเรียก value จาก hand อย่าง 88, 99 หรือ Tx ที่ weak กว่า รวมถึง draw ต่างๆได้

เพราะเรามักจะมี hand ที่มี value บ่อยมากๆ เมื่อเรา check-shove all-in เราจึงจำเป็นต้องใส่ hand ที่เป็น bluff เข้าไปใน range เพื่อ balance บ้าง อย่างใน board แบบนี้ เราจะมี flush และ straight draw ที่เราสามารถใช้ได้เป็นจำนวนมาก เช่น 98s, 65s หรือ flush draw อื่นๆ

สิ่งสำคัญที่เราต้องจำก็คือ เมื่อ SPR ยิ่งเล็กลง range ของ hand ที่เราต้อง all-in จะกว้างขึ้น เมื่อเรา flop ติด pair ที่ SPR ต่ำกว่า 2.5 เท่า เราสามารถ check-raie all-in หรือ call เพื่อปกป้อง equity ของเราได้

บทสรุปเรื่อง SPR

หวังว่าบทความเกี่ยวกับ SPR นี้จะมีประโยชน์ และนี่คือ 2 บทสรุปสำคัญที่เราจะนำไปใช้ได้

  1. พิจารณาความ strong ของ hand เราเทียบกับ SPR ตอน flop เสมอ ตัวอย่างเช่น ถ้าเรามี top pair top kicker โดยมี SPR 10+ การตัดสินใจ all-in นั้นแย่มากๆ แต่ถ้าเรามี SPR เหลือ 3 มันมีโอกาสจะเป็น nut ได้
  2. ถ้าเรามี draw พยายามหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ถ้าคู่แข่ง jam all-in มา แล้วทำให้เราต้อง fold แล้วเสีย equity ไป แทนที่จะเป็นแบบนั้น เราอาจจะเลือกที่จะเป็นคน jam all-in เพื่อบังคับให้คู่แข่งเรายอมทิ้ง equity ของเขาแทน

https://upswingpoker.com/stack-to-pot-ratio-poker-hands/#spr