คำแนะนำล้ำค่า 4 ข้อในการเล่นโป๊กเกอร์ทัวร์นาเมนต์สำหรับมือใหม่

เราเล่น A game มาได้ตลอดหลายชั่วโมง แต่ชนะบาง hand ที่เราต้องการมาได้ และตอนนี้มันเกิดขึ้นแล้ว เรากำลังนั่งอยู่น final table จ้องเงินรางวัลก้อนโตที่สุดในชีวิตอยู่ตรงหน้า

2008 World Series of Poker Main Event Final Table

เพื่อให้เรามีโอกาสแบบนี้บ่อยๆ ผมจึงได้ไปขุดห้องสมุดของ Upswing เกี่ยวกับ บทความในการเล่นทัวร์นาเมนต์ และได้รวบรวมคำแนะนำที่ทีมของเราแชร์ออกไปตลอดหลายปีที่ผ่านมา ที่สำคัญที่สุดมาให้

คำแนะนำแต่ละข้อจะมีลิงค์ไปอ่านต่อในบทความนั้นได้ (ในกรณีที่เราอยากศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวข้อนั้น) 

ไปลุยกันเลย

1. สู้เพื่อ Ante

จากการที่ทัวร์นาเมนต์มี ante ทำให้มี dead money อยู่เป็นจำนวนมากใน pot ซึ่งหมายความว่าเราควรเล่นแบบ aggressive มากๆเพื่อพยายามคว้าชิพพิเศษเหล่านั้น

pot odds ที่ดีขึ้นจากการขโมย blind ทำให้เรามีโอกาส raise ด้วย range ที่กว้างขึ้นจากทุกตำแหน่ง นอกจากนี้ เราก็ยังควร call ด้วย range ที่กว้างขึ้นจากตำแหน่งส่วนใหญ่เช่นกัน โดยเฉพาะเมื่ออยู่ใน BB, BTN และกับ SB ในบางครั้ง เพราะ pot odds ที่ดีขึ้นทำให้เราคุ้มที่จะเห็น flop ที่มากขึ้นได้

สำหรับการเล่น preflop ที่มี ante สามารถศึกษาเพิ่มได้จากบทความ ส่งผลต่อกลยุทธ์การเล่นทัวร์นาเมนต์ของเราอย่างไร

2. อย่าเล่นกับทุก hand เพื่อที่จะ defend BB

postflop big blind play with weak hands

ตามที่เราแนะนำไปในข้อที่ #1 การมี ante ในโป๊กเกอร์ทัวร์นาเมนต์ส่วนใหญ่ ทำให้เราต้องปรับการเล่น ซึ่งรวมถึงการที่เราต้อง defend BB ด้วย range ที่กว้างขึ้นด้วยเช่นกัน

แต่แม้จะรู้แบบนั้น มันก็สำคัญที่เราต้องแน่ใจว่าจะต้องเลือก range เข้าไปเล่นให้ถูกต้อง เมื่อเราต้องเจอกับ c-bet ที่ flop

อย่ายึดติดกับการที่ต้อง check-call ทุกครั้งที่เรามีอะไรที่ board หลังจากที่เรา defend ด้วย weak hand ที่จริงแล้ว เราควรจะ fold มากกว่าปกติที่ flop เพื่อให้ range ของเรายังแข็งแกร่งพอที่จะเล่นที่ turn และ river ได้ เมื่อต้อง call (เมื่อ pot เริ่มใหญ่ขึ้น)

ตัวอย่างเช่น สมมติว่า UTG เปิด แล้วเรา call ด้วย  6♣ 4♣ flop ออกมา T♥ 8♥ 5♠ ทำให้เรามี gutshot straight draw เราควร check และเมื่อคู่แข่ง bet เราสามารถ fold hand นี้ได้ง่ายๆ (ถึงแม้เราอาจจะ call ได้ ถ้าเรามี backdoor flush draw)

การยอมแพ้ตอน flop ให้บ่อยขึ้นคือราคาเล็กๆที่ต้องยอมจ่ายเพื่อให้ range เราแข็งแกร่งขึ้นใน street หลังๆ

อยากรู้วิธีเลน่ postflop ด้วย weak hand ให้เก่งขึ้น แนะนำให้อ่าน วิธีป้องกันไม่ให้ถูกขยี้หลังจาก defend มาด้วย weak hand

3. ปรับ preflop range เมื่อ stack ของเราเล็กลง

เมื่อเราเหลือ stack ประมาณ 30-40bb เราควรเล่นให้ต่างจากเวลาเป็น deep stack เล็กน้อย มีบางอย่างที่เราปรับได้ ทั้งเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ ที่เราควรทำ

มาดูตัวอย่างบางข้อที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเล่นเข้ารอบได้ลึกๆกัน :

1. อย่า flat call กับคู่เล็กๆเมื่อเหลือ effective stack น้อยกว่า 30bb

เมื่อเรา short stack ในทัวร์นาเมนต์ value ของ pocket pair เล็กๆจะลดลง

small pocket pairs

เหตุผลเบื้องหลังค่อนข้างเป็นเรื่องของสัญชาตญาณพอสมควร : เพราะเมื่อเราเหลือชิพไม่มาก เราจะไม่มี implied oods ในการติด flush เท่าเดิม เพราะเราไม่สามารถกิน pot ใหญ่ๆได้อีกแล้ว

เรายังสามารถเปิด poket pair เล็กๆได้อยู่จากหลายตำแหน่ง แต่การเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์จะเกิดขึ้นเมื่อเราเจอคน open-raise มาก่อน

และเมื่อเราเจอคน raise มา โดยเฉพาะเมื่อเราอยู่ตำแหน่งแรกๆ ส่วนใหญ่เราควร fold poket pair เล็กๆ เหตุผลเบื้อหลังก็คือ มันเล่น 3-bet pot ได้ยาก และเราไม่มี implied odds ที่จะมาชดเชยได้มากพอ เมื่อเราติด set 

เรายังคงสามารถใช้ poket pair เล็กๆ defend ที่ BB ได้อยู่ เพราะมันยังคุ้มราคา การ call จาก SB หรือ BTN ก็พอจะสมเหตุผลเช่นกัน แต่ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง แค่ต้องระวังในการ call raise จากตำแหน่งอื่นๆมากเป็นพิเศษก็พอ เพราะมันง่ายมากที่จะ call ไปดู board บ่อยๆ แล้วต้องเสีย stack ไปเป็นจำนวนมาก

สำหรับหัวข้อนี้ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ วิธีเล็ก pocker pair เล็กๆในทัวร์นาเมนต์

2.ใช้การ 3-bet ไพ่ใหญ่เมื่อมี stack เหลือน้อยกว่า 40bb

ขนาดของ stack มีผลอย่างมากกับการเลือก hand มา 3-bet ในทัวร์นาเมนต์

เมื่อเราเล่นโดยมี deep stack เราสามารถ 3-bet bluff ได้เหมือนเวลาเล่นแคชเกม กับ hand แบบเดียวกัน (เช่น suited connector หรือ suited gapper)

แต่เมื่อเรามี stack เหลือน้อยกว่า 40bb เราควรจะ 3-bet bluff กับ hand ที่สามารถติด top pair และ straight draw ที่ strong พอได้ hand พวกนี้เอาไปเล่นได้ดีกว่าพวก suited connector เมื่อ stack-to-pot ratio เหลือน้อยลง และ high card พวกนี้ยังช่วยไปบล็อค range ที่คู่แข่งจะเล่นต่อให้ค่อนข้างเยอะ ทำให้ 3-bet bluff ของเรามีโอกาสทำให้คู่แข่ง fold ได้มากขึ้น

ตัวอย่าง hand ที่เราสามารถเล่นแบบนี้ได้ เช่น :

  • A♠ J♣
  • K♦ Q♣

For more on this topic, check outรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นนี้ อ่านได้ที่ ข้อผิดพลาดเชิงกลยุทธ์ 3 ประการที่ควรหลีกเลี่ยงในการเล่นทัวร์นาเมนต์ โดย Nick Petrangelo.

4. ปรับการเล่นเมื่อถึงช่วง money bubble จากขนาดของ stack ของเรา 

ในทัวร์นาเมนต์ ขนาดของ stack จะเป็นตัวกำหนดแนวทางการเล่นของเราอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราอยู่ช่วง bubble หรือใกล้จะมี pay jump ที่สำคัญ

final table bubble strategy poker tournaments

ด้วยเหตุนี้ เราจึงควรปรับการเล่น เช่น :

  • เล่นให้ tight ขึ้น เวลาเรา short stack
  • ใช้ stack กดดดันคู่แข่ง เวลาเราเป็น big stack

เหตุผลเรื่องนี้ค่อนข้างจะใช้เซนส์อยู่นิดหนึ่ง คือเมื่อเราเป็น short stack เราต้องพยายามรักษาชิพไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้เราไต่ระดับขึ้นไปจนติด ITM ขณะที่ถ้าเราเป็น big stack เราต้องเล่นเพื่อชัยชนะ เราจึงต้องพยายามกินชิพจากผู้เล่นที่พยายามเอาชีวิตรอดให้มากเท่าที่ทำได้

ถ้าต้องการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปรับตัวตอน bubble รวมถึงวิธีเล่นเมื่อมี stack ขนาดกลางๆ แนะนำอ่าน กลยุทธ์การเล่นช่วง money bubble

บทสรุป

หวังว่าคำแนะนำเหล่านี้จะช่วยให้ทุกคนมีโอกาสเข้ารอบได้ลึกๆมากกว่าที่เคย

และนี่คือคำแนะนำพิเศษสุดท้ายที่เราจะมอบให้ จงให้เวลาศึกษาวิธีการเล่น เมื่อมีผู้เล่นเหลือน้อยและเมื่อต้อง heads-up ในทัวร์นาเมนต์ เพราะ pay jump จะเกิดขึ้นเยอะที่สุดเมื่อผู้เล่นเหลือน้อย โดยเฉพาะระหว่างที่ 2 กับที่ 1 ดังนั้น การพัฒนาตัวเองในการเล่นตอนผู้เล่นเหลือน้อยและตอน heads-up จะส่งผลต่ออัตรากำไรของเราได้อย่างมหาศาล

ถ้าต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับการเล่นทัวร์นาเมนต์ที่มากกว่านี้ แนะนำอ่าน คำแนะนำ 7 ข้อในการเล่นทัวร์นาเมนต์เพื่อเพิ่มโอกาสเข้ารอบลึกๆให้มากขึ้น

https://upswingpoker.com/tournament-advice-beginners/