กลยุทธ์ในการเล่นตำแหน่ง Big Blind

จริงๆตำแหน่งนี้อาจจะไม่ได้เลวร้ายแบบที่คิดนะ เรามีวิธีการเล่นสำหรับตำแหน่งนี้มาฝากกัน

การเล่นในตำแหน่ง blind อาจจะต้องการทัศนคติที่ต่างจากตำแหน่งอื่นๆซักเล็กน้อย ดังนั้นคุณควรจะปัดฝุ่น เรียนรู้มันกันซักหน่อย

ตำแหน่ง big blind มีเอกลักษณ์เฉพาะและแตกต่างจากตำแหน่งอื่นๆภายในโต๊ะ มีบางสิ่งบางอย่างที่คุณควรจะต้องทำ เมื่ออยู่ในตำแหน่งนี้ที่ซึ่งคุณไม่เคยคิดที่จะทำเลยในตำแหน่งอื่นๆ

แม้แต่ผู้เล่นที่ดีบางครั้งก็ยังเสียเงินจากตำแหน่งนี้เช่นกัน การถูกบังคับให้ลงเงินเดิมพันก่อนโดยที่ยังไม่ทันได้เห็นไพ่เลยเป็นอะไรที่เสียเปรียบเอามากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณจะต้องเสียเงินเป็นจำนวนมากในการเล่นในตำแหน่งนี้ ซึ่งถือว่าเป็นตำแหน่งที่ไม่ดีในเกมอีกด้วย

ในตำแหน่ง big blind นี้จึงไม่ค่อยสร้างกำไรให้กับผู้เล่นมากนัก แต่จะทำยังไงถึงจะเสียให้น้อยที่สุดเมื่ออยู่ในตำแหน่งนี้ ลองคิดว่าคุณจะหมอบทุกครั้งที่อยู่ในตำแหน่ง big blind คุณจะเสียเงินเดิมพันทั้งหมด 100 BB / 100 รอบ แต่ถ้าคุณสามารถทำให้อัตราการแพ้ชนะนี้อยู่ที่ 30 BB / 100 รอบ คุณกำลังทำได้ดี เพราะสามารถชดเชยความสูญเสียให้น้อยลง

Loose หน่อย

                เมื่อคุณได้ลงเดิมพันไปใน pot แล้ว ถึงแม้จะไม่ได้เต็มใจเท่าไหร่ก็ตาม สิ่งที่คุณควรที่จะพยายามก็คือปกป้องเงินที่ลงเดิมพันไปนั้นเอง ความผิดพลาดที่ผู้เล่นส่วนมากทำกันก็คือพยายามปกป้องเงินที่ลงไปด้วยการเลือกไพ่ที่ tight มากๆ ผู้เล่นที่ดีหมายๆคนก็มักจะคิดแบบนี้ และมักจะแนะนำให้เล่น tight เสมอเวลาที่อยู่ในตำแหน่งที่ไม่ดี (out position)

                ลองมาดูตาราง range ต่างๆและดูว่าคุณจะพอทำอะไรได้บ้างในการปกป้องเงินเดิมพันของคุณ

BB ranges

BB vs BTN 2.5x

ถ้าดูตามตารางด้านบนจะเห็นว่า range ไพ่ที่สามารถเอามาสู้กับผู้เล่นในตำแหน่ง BTN นั้นค่อนข้างกว้าง

มี 3 สีอยู่ในตาราง

แดงอ่อน – 3 bet เพื่อเพิ่มมูลค่า

แดงเข้ม – 3 bet เพื่อบลัฟฟ์

น้ำเงิน – cold call

                สิ่งนึงที่สำคัญมากคือขนาดการเดิมพันที่ผู้เล่นคนก่อนหน้า raise มาจะมีผลต่อการตัดสินใจ call ของคุณพอสมควร ถ้าผู้เล่นที่ raise มาเปิดมาต่ำๆอย่างเช่น min-raise คุณก็สามารถ call ตามไปได้มากหน่อย แต่ถ้าเขา raise มา 3BB คุณก็อาจจะดูไพ่ตัวเองอีกทีนึงก่อนที่จะตัดสินใจ call ไป

BB vs CO 3x

                มันดูสมเหตุสมผลนะที่ range ในการป้องกันเมื่อสู้กับผู้เล่นในตำแหน่ง CO จะเป็น 3BB แทน 2.5BB เนื่องจากเราลองสรุปเอาว่าผู้เล่นในตำแหน่งนี้จะเปิดเดิมพันมาที่ 2.5BB เพราะฉะนั้น range ในการป้องกันของคุณจะต้องกว้างกว่านั้น

BB vs MP 3x 

                ใน range ของไพ่ที่เอาไว้บลัฟฟ์นั้นจะประกอบไปด้วยไพ่ที่สามารถทำเงินได้เกือบทั้งหมด

                แนวคิดโดยทั่วๆไปก็คือไพ่พวกนี้มีความสามารถในการเล่นได้ดี เพราะมันค่อนข้างที่จะสำคัญเมื่อคุณมีตำแหน่งที่นั่งที่ไม่ค่อยดีนัก ซึ่งค่าความได้เปรียบอาจจะเป็นตัวแปรที่ไม่ค่อยถูกเอามาเป็นส่วนสำคัญมากนัก เพราะฉะนั้นการที่เราถือไพ่ที่ไม่ได้นำผู้เล่นอื่นอยู่มากๆ แต่มีความสามารถในการเล่นสูงๆ สำหรับการ 3-bet ด้วยไพ่ suited-connector จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับในเกมนี้

                คุณจะเห็นว่าเมื่อคุณมีตำแหน่งที่นั่งที่เป็นต่อ ค่าความได้เปรียบของไพ่จะกลายเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ในขณะที่ความสามารถที่ไพ่นั้นจะเล่นได้จะกลับกลายเป็นน้อยลง ซึ่งคุณจะเห็นภาพได้ชัดเมื่อเห็น range ไพ่ของ BB vs SB

BB vs UTG 3x

BB vs SB 2.5x

                อันนี้เป็นสถานการณ์การป้องกัน blind ที่สำคัญมากๆ ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นล่ะ ? เพราะเป็นสถานการณ์ที่ BB สามารถสร้างกำไรได้มากที่สุด เนื่องจากถ้าผู้เล่นในตำแหน่ง SB เข้าเล่นในเกมนั้น เราจะมีตำแหน่งที่นั่งในการตัดสินใจดีกว่า SB แน่นอน

                ดังนั้นในสถานการณ์นี้คุณสามารถปกป้อง blind ได้ด้วยไพ่ที่ range ค่อนข้างกว้าง ถึงแม้เขาจะเปิดการเดิมพันมาที่ 2.5 เท่า คุณก็ควรปกป้อง blind ของคุณ 50% จากโอกาสทั้งหมด โดยแบ่งเป็น 15% สำหรับการ 3-bet และ 35% สำหรับการ cold call

                แต่ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยๆในสถานการณ์การเผชิญหน้าแบบนี้คือ ไม่รู้ว่า range ไพ่กว้างขนาดไหนที่จะสามารถเลือกเล่น 3-bet บลัฟฟ์ได้ และก็ไม่จำเป็นเช่นกันที่จะเอาไพ่ K5o ไปเล่นตามตารางข้างล่าง เพราะถ้าดูแว๊บแรกแล้ว มันก็ดูเป็นไพ่ที่ไม่ดีซักเท่าไหร่เลย

                ในสถานการณ์ที่คุณเจอ min-raise มาจากผู้เล่นที่อยู่ในตำแหน่ง SB คุณควรจะขยับตัวเลขเปอร์เซ็นต์ของการปกป้อง blind ออกเป็น 70% ความจริงคือมีการถกเถียงกันเกี่ยวกับเรื่องนี้มาแล้วและการกระทำแบบนี้ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลทีเดียว

                และถ้าคุณลองสังเกตุไพ่ในช่วงที่เอาไว้ 3-bet เพื่อบลัฟฟ์ คุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงของไพ่ที่จะนำมาเล่น ที่ผ่านๆมาไพ่ใน range นี้จะเป็นพวกไพ่ suited-connectors หรือไพ่ที่มีค่าความได้เปรียบอยู่บ้าง โดยไม่ได้สนไพ่ที่มีค่าความสามารถในการเล่นเลย แต่พอมาเจอกับผู้เล่นที่อยู่ในตำแหน่ง SB คุณได้เปรียบในเรื่องที่นั่งไปแล้ว ซึ่งทำให้คุณสามารถที่จะเป็นคนควบคุม pot ได้มากขึ้นและยังทำให้มีข้อมูลเพื่อตัดสินใจด้วย ทำให้ไพ่ที่สามารถนำมาเล่นมีกว้างขึ้น โดยที่สนใจค่าความได้เปรียบน้อยลง

จุดเด่นของตำแหน่ง BB

                เหมือนที่เราบอกกันไปในช่วงแรกๆว่าตำแหน่งนี้มันมีความโดดเด่นของมันอยู่ ลองนึกภาพว่าคุณอยู่ในตำแหน่ง CO และกำลังเล่นกับผู้เล่นที่อยู่ในตำแหน่ง UTG คุณรู้อยู่แล้วว่าคู่ต่อสู้มีโอกาสหมอบถึง 75% ถ้าเจอ 3-bet ด้วยตัวเลขที่สูงขนาดนี้ ทำให้คุณสามารถได้กำไรจากจุดนี้อยู่แล้ว ดังนั้นคำถามที่จะป๊อปอัพตามขึ้นมาก็คือ แล้วคุณ 3-bet ด้วยไพ่อะไรก็ได้ในมือหรือเปล่า ?

                คำตอบจริงๆก็คงจะเป็น ไม่ได้ คุณไม่สามารถที่จะขยาย range ไพ่เพื่อบลัฟฟ์ออกไปจนไปหยิบ 32o มาเล่นได้ คุณไม่สามารถขยายออกไปได้มากขนาดนั้น ยังไงคุณก็ยังต้องระวังผู้เล่นคนอื่นๆที่จะตัดสินใจหลังคุณอยู่ ถ้าเลือกทำแบบนั้นรู้ตัวอีกทีอาจจะเสียเงินไปเป็นตันๆแล้วก็ได้

                แต่ในตำแหน่ง BB คุณอาจจะมีโอกาส 3-bet ด้วยไพ่อะไรก็ได้เพราะว่าคุณเป็นคนสุดท้ายที่ตัดสินใจในรอบ pre-flop ดังนั้นถ้าผู้เล่นที่อยู่ในตำแหน่ง BTN เป็นคนเปิดการเดิมพันมาแล้ว SB เลือกที่จะหมอบ มันอาจจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่คุณจะ 3-bet ด้วยไพ่ 32o ถึงแม้ว่าจะดูเป็นไพ่ที่แย่มากแต่ผู้เล่นในตำแหน่ง BTN เป็นตำแหน่งที่มีโอกาสหมอบถึง 80% ถ้าเผชิญหน้ากับการโดน 3-bet

Overcalling/Squeezing

                นี่จะเป็นอีกสถานการณ์นึงที่ผู้เล่นในตำแหน่ง BB มักจะเจอกัน มีผู้เล่นคนนึงเปิดการเดิมพันมา และมีผู้เล่นอีกคน call ตาม พอมาถึงคุณที่อยู่ในตำแหน่ง BB ทางเลือกก็จะเหลือ overcall หรือ squeeze

                Range ไพ่ตามแนวคิดนี้คร่าวๆก็เป็นไปตามรูปด้านล่าง โดยที่แต่ละสีจะหมายความว่า….

แดงอ่อน – squeeze เพื่อมูลค่า

ฟ้า – overcall หรือ squeeze

น้ำเงิน – overcall

แดงเข้ม – squeeze เพื่อบลัฟฟ์ เดาว่าทั้งคู่ไม่น่าจะมีอะไร

                ก่อนอื่นลองสังเกตุช่วงไพ่ที่สามารถ overcall ก่อนว่ากว้างขนาดไหน ไพ่ที่มีหน้าไพ่เดียวกัน(XXs)เกือบทั้งหมดสามารถ overcall ได้ และไพ่ที่มีหน้าไพ่ต่างกัน(XXo) แทบจะไม่เอามา overcall เลย หรือการเล่นแนวอื่นก็เกือบจะไม่เล่นเลยด้วยซ้ำ นอกจาก AKo AQo KQo AJo ที่เอามาสร้างมูลค่า และไพ่ที่เป็นสีฟ้าบางครั้งอาจจะอยู่ที่สถานการณ์บนโต๊ะว่าเป็นยังไง ควรจะ overcall หรือว่าเอาไป squeeze จะดีกว่ากัน

                อันนี้ก็ถือว่าเป็นแนวทางคร่าวๆ ส่วน range ไพ่สำหรับการ squeeze อาจจะปรับเปลี่ยนไป ขึ้นอยู่กับตำแหน่งผู้เล่นที่เป็นคนเปิดการเดิมพันและตำแหน่งผู้เล่นที่ cold call ตามมา คุณจะต้องคำนึงอยู่เสมอว่าในการที่จะเข้าไปเล่นนั้น คุณอาจจะมีตำแหน่งที่เสียเปรียบผู้เล่นคนใดคนนึงหรือทั้งสองคนด้วยซ้ำ

Raise หรือ check

                นี่คงจะเป็นสถานการณ์รูปแบบสุดท้ายที่อาจจะต้องเจอเมื่ออยู่ในตำแหน่ง BB เมื่อทุกคนตัดสินใจแล้ว มีผู้เล่นบางคน call มาและคุณมีตัวเลือกที่จะ check เพื่อไปดู flop หรือจะ raise เพิ่มกลับไป

                สิ่งแรกคือคุณไม่จำเป็นที่จะต้องรู้สึกกดดันว่าจะต้อง raise กลับไปด้วยไพ่กลางๆตรงจุดนี้ เพราะตอนนี้ถ้าไม่ raise คุณก็สามารถเข้าไปดู flop ได้อยู่แล้ว ดังนั้นพูดกันง่ายๆคือ สถานการณ์นี้คุณสามารถเลือกไพ่ดีๆเพื่อจะ raise กลับไปได้บ้างและที่เหลือก็ check เอา

                ส่วน “ไพ่ดีๆ” ที่พูดถึง ก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้เล่นที่ call เข้ามาใน pot นั้นอยู่ในตำแหน่งไหน ถ้าเล่นกับผู้เล่นในตำแหน่ง SB ไพ่ดีๆที่ว่าก็อาจจะกว้างขึ้นมากเพราะคุณมีตำแหน่งที่ดีกว่า แต่ถ้าเป็นผู้เล่นในตำแหน่งอื่นๆไพ่ดีๆก็อาจจะแคบลงเพราะตำแหน่งที่นั่งของคุณมันไม่เอื้ออำนวย

                หลังจากที่คุณกล้าที่จะป้องกัน blind ของคุณด้วยความ aggressive แล้ว สิ่งที่คุณจะค้นพบเลยคือ ไพ่ที่คุณเอาเข้าไปเล่นหลัง pre-flop นั้นอ่อนมาก อ่อนกว่าที่ปกติเคยเล่น และในการแก้ไขหรือจัดการกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นนั้นคือ คุณต้องสละเวลาเพิ่มมากขึ้นเพื่อไปศึกษาข้อมูล กลยุทธ์ที่จะเล่นหลังจาก pre-flop ยังไง ถ้ามีตำแหน่งที่นั่งที่ไม่ดี (out of position) แล้วคุณจะเล่นได้ดีมากยิ่งขึ้นในตำแหน่งนี้

Source : https://www.pokervip.com/strategy-articles/texas-hold-em-no-limit-intermediate/big-blind-poker-strategy