กฎ 8 ข้อที่จะช่วยให้คุณเลือกขนาดเดิมพันที่เหมาะสม

โอ๊ย....แบบนี้ต้องเดิมพันหรือเปล่า? แล้วต้องเดิมพันเท่าไหร่ถึงจะดี? ถ้าเดิมพันขนาดนี้จะชนะหรือเปล่านะ ? มาหาคำตอบด้วยกัน

การเลือกขนาดการเดิมพันที่เหมาะสมอาจจะเป็นส่วนท่ยุ่งยากและซับซ้อนในการเล่นโป๊กเกอร์ No Limit Hold’em เนื่องจากมันไม่มีขนาดเดิมพันใดๆที่เหมาะสมในทุกๆสถานการณ์ ขนาดการเดิมพันที่เหมาะสมจึงต้องอาศัยปัจจัยต่างๆในการเลือก อย่างเช่น แอคชั่นในรอบ preflop ลักษณะของบอร์ด stackที่มีอยู่ตอนนี้ ใครที่มี range ไพ่ที่ได้เปรียบ และอีกหลายๆปัจจัยเลย ในบทความนี้คุณจะได้เรียนรู้กฎทั้ง 8 ข้อ ที่จะช่วยให้คุณเลือกขนาดการเดิมพันที่ใช่ งั้นเรามาเริ่มกันเลย

1. ถ้ามีผู้เล่นที่อ่อนอยู่ในตำแหน่ง blind ให้ raise มากกว่าปกติ

                เป้าหมายของกฎข้อนี้ก็คือ เราจะดึงมูลค่าของการเดิมพันมาจากผู้เล่นที่อ่อนแอ ผู้เล่นที่อ่อนแอหรือผู้เล่นที่ไม่ค่อยมีประสมการณ์ในการเล่นมักจะ call ไพ่ด้วยไพ่ range เดียวกันทั้งหมดโดยไม่ได้สนใจขนาดของการเดิมพัน ถ้ามีผู้เล่นคนนึง call ตามการเดิมพันของคุณที่ 3.5BB แทนที่จะเป็น 2.5BB คุณจะเห็นว่ากฎข้อนี้มันใช้ได้ และจะทำให้คุณได้เงินเดิมพันเยอะกว่าปกติอีกด้วย

2. เมื่อ in position ในรอบ preflop 3-bet ให้หนัก ถ้าในรอบอื่นๆคุณอยู่ out of position

                ถ้าคุณอยู่ในตำแหน่ง in position คุณควรจะ 3-bet ประมาน 3 เท่าของจำนวนเงินที่คู่ต่อสู้เดิมพันมา และ 3-bet ประมาน 4 เท่าของจำนวนเงินที่คู่ต่อสู้เดิมพันมาเมื่ออยู่ในตำแหน่ง out of position

                เมื่อคุณอยู่ในตำแหน่ง out of position คู่ต่อสู้ของคุณจะรับรู้ค่าความได้เปรียบของตัวเองง่ายกว่าปกติ จึงหมายความว่าคุณจะต้องเพิ่มเงินเดิมพันให้มากกว่าปกติ และในทางตรงกันข้ามถ้าคุณอยู่ในตำแหน่ง in position คุณก็ควรที่จะลดขนาดการเดิมพันลงเพราะคุณจะผลักคู่ต่อสู้ของคุณให้เข้าไปอยู่ในจุดที่ตัดสินใจยาก (คู่ต่อสู้จะอยู่ out of position และเผชิญหน้ากับขนาดการเดิมพันที่เหมาะสม กดดันเขากลายๆ) ด้วยไพ่ในมือที่อาจจะไม่ค่อยดีนัก

3. ขนาดการเดิมพันน้อยๆ (25-35% ของ pot) บนบอร์ดที่ไม่มีอะไร

                โดยปกติแล้วเราจะสร้างมูลค่าจากการเดิมพันในรอบ flop และ turn เพื่อปัดค่าความได้เปรียบของคู่ต่อสู้ทิ้งไปและทำให้เขาหมอบ หรืออีกความหมายนึงก็คือ คุณขโมยโอกาสการชนะของคู่ต่อสู้ด้วยการเดิมพัน บีบให้เขาหมอบจากการเดิมพัน เมื่อค่าความได้เปรียบถูกปัดทิ้งไป คุณจะถูกจูงใจด้วยการเดิมพันน้อยๆแทนซึ่งจะเกิดได้บ่อยๆมากๆบนบอร์ดแห้งๆเพราะว่าไพ่ของคู่ต่อสู้ส่วนใหญ่มันมีค่าความได้เปรียบนิดเดียวเท่านั้นถ้าเทียบกับขนาดการเดิมพันเพื่อเพิ่มมูลค่า เพราะฉะนั้นบนบอร์ดแห้งๆแบบนี้ คุณจะจูงใจให้เขาเล่นกับคุณ เอาเงินมาจ่ายคุณด้วยขนาดการเดิมพันน้อยๆก็พอ

                อีกประโยชน์นึงของการเดิมพันน้อยๆบนบอร์ดแห้งๆก็คือ range ไพ่ที่เอาไว้ call จะไม่ยืดหยุ่น ซึ่งทำให้ความเป็นไปได้ที่คู่ต่อสู้จะหมอบให้การเดิมพันยังเหมือนเดิมไม่ว่าจะขนาดเท่าไหร่ แล้วทำไมคุณจะต้องเอาตัวเองไปเสี่ยงลงเงินเดิมพันมากๆด้วยล่ะ ในเมื่อคุณลงเดิมพันน้อยๆก็ได้ผลลัพธ์เดียวกัน

                นอกจากนี้การเดิมพันน้อยๆยังใช้งานได้ดีเมื่อเอาไปใช้ประโยชน์กับผู้เล่นที่ชอบหมอบบ่อยๆด้วย นี่เป็นเรื่องจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งใน live game หรือ online ที่มีคนอ่อนๆอยู่มาก และมักจะเล่น postflop ด้วยสไตล์ “ติดหรือหมอบ”

ในการเล่นออนไลน์ ผู้เล่น 6 คน Stacks 100bb

คุณถือไพ่ 6♦ 5♦ อยู่ในตำแหน่ง CO.

UTG หมอบ. MP หมอบ. คุณ raises 2.5bb. BTN หมอบ SB หมอบ. BB calls.

Flop (5.5bb): A♦ 8♠ 3♣

BB checks. คุณ bets 1.8bb. BB หมอบ

                บนบอร์ดแห้งๆอย่าง A♦ 8♠ 3♣ การเดิมพันน้อยๆ (ในตัวอย่าง 33%) เป็นแอคชั่นที่ดี เพราะว่าไพ่ในรอบ turn จะเป็นอะไรก็ยังไม่รู้ ดังนั้นเราจะไม่จูงใจคู่ต่อสูงให้ออกจากเกมด้วยการเดิมพันเพื่อเพิ่มมูลค่า แต่ถ้าหากดูค่าความได้เปรียบจากโปรแกรมแล้วระหว่าง range ของ big blind กับ range ไพ่ที่เอาไว้เดิมพันเพื่อเพิ่มมูลค่าของคุณ  (88, 33, A8s, A3s, AK, AQ และอื่นๆ) 

                จะเห็นว่าค่าความได้เปรียบของผู้เล่นในตำแหน่ง big blind นั่นมีแค่ 11.32% เท่านั้นเอง และภาพด้านล่างนั้นจะแสดงค่าความได้เปรียบของ range ไพ่ในตำแหน่ง big blind ว่ามีค่ามากเพียงใดเมื่อเทียบกับ range ไพ่ที่เอาไว้เดิมพันเพื่อเพิ่มมูลค่าของคุณ (ไม่รวม range ไพ่ที่เอาไว้บลัฟฟ์นะ)

                จะเห็นว่ามี range ไพ่ของ big blind น้อยมากที่จะชนะได้ถ้าคุณเดิมพันเพื่อเพิ่มมูลค่า เพราะฉะนั้นการเดิมพันน้อยๆจูงใจให้คู่ต่อสู้เข้ามาเล่นกับคุณได้มากกว่า และในจุดนี้ range ไพ่ของคู่ต่อสู้คุณก็จะไม่ค่อยมีความยืดหยุ่นอีกด้วย จะเห็นได้ว่า ค่าความได้เปรียบของ QJo กับ 65s นั้นมีน้อยมาก เผลอๆอาจจะทำให้คู่ต่อสู้หมอบไพ่ทิ้งไปได้เลย

4. เดิมพันหนักๆ (55-80% ของ pot) บนบอร์ดลุ้นๆ

                เมื่อ range ไพ่เดิมพันเพื่อเพิ่มมูลค่าของคุณกำลังจะถูกถอนออกไป คุณจะต้องอาศัยการเดิมพันขนาดใหญ่เข้าช่วย กลยุทธ์นี้จะมีประโยชน์ 3 อย่างด้วยกัน

  • การเดิมพันหนักๆจะช่วยให้คุณสร้างมูลค่า pot ได้ เมื่อไพ่ในมือของคุณยังแข็งอยู่
  • การเดิมพันหนักๆจะช่วยดึงมูลค่าของไพ่คุณออกมาก่อนจะถึงรอบ turn หรือ river ที่สามารถทำให้ไพ่แข็งๆที่อยู่บนมือของคุณกลายเป็นไพ่จับบลัฟฟ์แทน

ตัวอย่างเช่น คุณถือ 9 9 บนบอร์ด T♥ 9 5 4. ไพ่ใบต่อไปเกือบครึ่งสำรับถือว่าเป็นไพ่ที่คุณไม่อยากให้ถูกเปิดออก เพราะมันจะทำให้ไพ่บนมือคุณอ่อนลงทันที

  • การเดิมพันหนักๆจะทำให้โอกาสในการหมอบของคู่ต่อสู้มากขึ้น และทำให้การบลัฟฟ์มีประสิทธิภาพด้วย

ตัวอย่างเช่น ในเกมออนไลน์ ผู้เล่น 6 คน Stacks 100bb

คุณถือไพ่ A♣ A อยู่ในตำแหน่ง button

UTG raise 3BB MP calls CO หมอบ คุณ re-raise 11BB SB หมอ BB หมอบ UTG calls MP calls

Flop (34.5bb): 2♠ 5♥ 3

UTG checks. MP checks. คุณ bets 12bb. UTG calls. MP calls.

Turn (70.5bb): 8

UTG checks. MP checks. คุณ bets 22.32bb. UTG หมอบ MP calls.

River (115.14bb): 6

MP checks. คุณจะ…?

                สำหรับสถานการณ์นี้การเดิมพัน 33% ของ pot ในรอบ flop นั้นน้อยเกินไป จากบอร์ดต่ำๆแต่ดูแล้วไม่คงที่ขนาดนี้ ทำให้คู่ต่อสู้ของคุณมีโอกาสรอสีรอเรียงได้หมดเลย และอีกเหตุผลนึงที่ควรจะเดิมพันหนักๆก็เพราะว่าพวกเราทุกคนมี stack ลึกด้วย ถ้าคุณเดิมพัน 22BB หรือ 65% ของ pot ในรอบ flop และถ้าถูกผู้เล่นคนนึง call ตามมา ก่อนที่จะไปดูไพ่ในรอบ turn เราจะมี 78.5BB อยู่ใน pot และเหลือ 67BB อยู่ใน stack และด้วยจำนวนชิปที่เหลือนั้นจะทำให้คุณรู้สึกสบายใจที่จะ all-in ใส่คู่ต่อสู้ในรอบ turn มากกว่า (เดี๋ยวอธิบายเพิ่มเติมในยกฎข้อที่ 5) เมื่อคุณใช้ขนาดการเดิมพันในรอบ flop และทำให้คุณสามารถ all-in ในรอบ turn ได้ไม่ยาก จะทำให้คู่ต่อสู้ของคุณมีโอกาสหมอบไพ่ในมือมากขึ้นและยังทำให้คู่ต่อสู้มี pot odds ในการรอไพ่ที่ไม่ดีอีกด้วย

                แต่ก็น่าสังเกตเช่นกันที่มันสมเหตุสมผลถ้าคุณจะ check ในรอบ flop ถึงแม้ว่าคุณอาจจะถือ A♣ A อยู่ในมือก็ตาม ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร

5. อัตราส่วนของstack และ pot มีผลต่อขนาดการเดิมพันของคุณ

                คุณจะต้องคิด วางแผนไปข้างหน้าว่าในรอบต่อไปนั้นจะมีเงินเดิมพันอยู่ใน pot เท่าไหร่ และคุณจะเลือกแอคชั่นยังไงกับการเดิมพันเพื่อเพิ่มมูลค่ากับการเดิมพันเพื่อบลัฟฟ์ แต่ละอันจะเดิมพันเท่าไหร่ดี เล่นยังไงดี

                ผู้เล่นส่วนมาหมักจะเดิมพันหนักๆในรอบ flop และ turn และสุดท้ายจะเหลือเดิมพันอีกนิดเดียวในรอบ river ซึ่งจะทำให้การบลัฟฟ์นั้นไม่มีประสิทธิภาพเลย ไม่สามารถทำให้คู่ต่อสู้รู้สึกอยากจะหมอบต่อการเมพันเลยสักนิด ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่คุณคงไม่อยากจะเจอนัก

ในการเล่นทัวร์นาเมนต์ บนโต๊ะมีผู้เล่น 9 คน เกม 150/300 stack 21,000

คุณถือไพ่ Q♥ Q อยู่ในตำแหน่ง button

UTG calls. UTG+1 calls. LJ calls. HJ หมอบ. COหมอบ. คุณ raises to 1,200. SB หมอบ. BB calls. UTG+1 calls. LJ calls.

Flop (5,250): 3 6 9

BB checks. UTG+1 checks. LJ checks. คุณ bets 3,000. BB หมอบ. UTG+1 calls. LJ หมอบ

Turn (11,250): J♦

UTG+1 checks. คุณ bets 7,000. UTG+1 raises 15,000. คุณ raises 16,800 and is all-in. UTG+1 calls and shows 6 6

River (44,850): 5

                ข้อผิดพลาดแรกเลยคือขนาดเดิมพันในรอบ flop ซึ่งควรจะอยู่ประมาณ 1,800-2,000 เพราะว่ามีผู้เล่นที่ limp เข้ามาแล้วถึงสามคน เราจึงไม่ควรจะ raise เพื่อให้พวกเข้าได้เข้าไปดูไพ่ใบต่อไปในราคาที่ดีนัก และการเดิมพันที่มากขึ้นนั้นยังสำคัญกับไพ่ในมือของคุณอีกด้วย เพราะไพ่ Q♥ Q♦ นั้นจะเล่นได้ดีเมื่ออัตราส่วน SPR นั้นต่ำและมีผู้เล่นน้อยๆในรอบ flop

                สมมติว่าเราเดิมพัน 1,800 ละกันและมีคน call ตามเข้ามาเท่าเดิม เงินเดิมพันในรอบ flop จะอยู่ที่ 7,650 และมี stack คงเหลือ 19,200 และเรามาดูที่ SPR กัน ซึ่งในรอบ flop เราจะใช้เงินเดิมพันประมาณ 5,000 หรือ  65% ของ pot และจะเหลือไว้ให้ shove ในรอบ turn 14,200 ใน pot 17,650 หรือ 80% ของ pot ถ้ามีคน call คนนึง

                วิธีการนี้จะทำให้คุฯเดิมพันเพื่อเพิ่มมูลค่าใมห้กับไพ่ของคุณได้มากที่สุด ขณะที่ก็ทำให้คู่ต่อสู้มีเปอเซ็นต์การหมอบไพ่บลัฟฟ์ได้อย่างดีเยี่ยม (อย่างเช่น QTs) ถ้าคู่ต่อสู้ของคุณไม่ check-raise ในรอบ turn คุณจะเข้าสู่รอบ river ด้วยเงินเดิมพันที่เหลืออยู่ไม่ถึงครึ่ง pot ซึ่งมันไม่เหมาะกับการยิงบลัฟฟ์ tipple-barrel เลย

6. เดิมพันเยอะๆเมื่อคุณได้เปรียบจากไพ่ที่ดีที่สุด

                การเดิมพันมากเกินปกติจะทำได้ก็ต่อเมื่อไพ่บนบอร์ดนั้นออกมาเอื้อให้กับ range ไพ่ของคุณมากกว่าของคู่ต่อสู้ โดยเฉพาะเมื่อคุณมีโอกาสที่จะถือไพ่ที่ดีที่สุดเอาไว้บนมืออีกต่างหาก ไพ่ที่จะเอามาเดิมพันมากกว่าปกตินั้นควรจะเป็นไพ่ใน range polarized และจะทำให้คุณได้มูลค่าเต็มจำนวนอีกทั้งคู่ต่อสู้ยังมีโอกดาสหมอบได้เยอะมากๆด้วย

                ไพ่ที่เหมาะแก่การบลัฟฟ์และเดิมพันมากกว่าปกติก็คือไพ่ที่ block ไพ่ที่ดีที่สุดที่คู่ต่อสู้เราจะ call มาได้อย่างเช่น การใช้ nut flush block บอร์ดที่เป็น flush (คุณถือ A♦ K♠ บนบอร์ด Q♦ 8♦ 2♣ 6♦ 3♠)

ในเกมตัวต่อตัว 100/200 stack 59,416

คุณถือ 4♦ 2♦ อยู่ในตำแหน่ง big blind

BTN raises 700. คุณ calls.

Flop (1,400): 5♠ A♥ Q♦

คุณ checks. BTN bets 980. คุณ calls.

Turn (3,360): 3♣

คุณ checks. BTN checks.

River (3,360): 7♦

คุณ checks. BTN bets 1,500. Doug raises 10,800. BTN mucks A♠ 2♥.

                เราได้ข้อสรุปบางประการในรอบ turn จากการ check ของผู้เล่นในตำแหน่ง BTN

1.ผู้เล่นในตำแหน่ง BTN ไม่ได้มีไพ่ที่ดีที่สุดในรอบ turn (42) เพราะว่าถ้ามีควรจะเดิมพันเพื่อมูลค่าที่ turn

2.ผู้เล่นในตำแหน่ง BTN ไม่ได้มีไพ่ที่ดีที่สุดในรอบ river (64) เพราะว่าถ้าถือ 6 จริง เขาควรจะ semi-bluff ในรอบ turn

3.ไพ่ที่จะติด set หรือสองคู่ใน range ของ BTN นั้นประกอบไปด้วย (AA, QQ, 55, AQ, A5) และก็ไม่น่าจะเล่นในทิศทางนี้

                และเมื่อคุณค้นพบว่าคู่ต่อสู้ไม่น่าจะมีไพ่ที่ดีที่สุดในรอบ river แล้ว คุณสามารถงัดเอากลยุทธ์การเดิมพันมากกว่าปกติมาใช้ได้ นี่เป็นการแบ่ง range ไพ่ที่เราจะเล่นในรอบ river

                check-raise กลับด้วยการเดิมพันหนักๆด้วยไพ่ที่แข็งที่สุด (64, 42, 55, 33) การเดิมพันมากกว่าปกติตรงนี้จะช่วยให้คุณหลุดจากการเดิมพันเพิ่มเติมจากคู่ต่อสู้ได้และจะได้มูลค่ามากที่สุดจากการ call ไพ่ของคู่ต่อสู้ด้วย (อย่างเช่น A♠ 2♥. ในตัวอย่าง)

                คุณจะต้องบาลานซ์การเดิมพันเพื่อบลัฟฟ์ด้วย ถ้าตัวอย่างที่ดีที่สุดที่จะบลัฟฟ์ check-raise ก็คือ 54 เพราะว่า 5 จะเป็นตัว block set (55) สองคู่ (A5 Q5 53) และ straight (42 64)

                ขนาดของการ check-raise ตรงนี้จำเป็นจะต้องหนักกว่าปกติ (อย่างน้อย 2เท่าของ pot ) เพราะว่าคุณกำลังเล่นเสมือนว่ามีไพ่ใน range polarized อยู่

7. เดิมพันอย่างน้อย 66% ของ pot ถ้าจะยิง c-bet อีกครั้งในรอบ turn

                แนวคิดที่สำคัญข้อนึงที่ต้องระลึกเอาไว้เสมอก็คือการเล่นในรอบ turn ต้องเป็นไพ่ใน range polarized เพราะว่าคุณต้องการโอกาสที่จะเป็นไพ่ที่ดีที่สุดหรือสามารถพัฒนาไพ่ในมือให้แข็งแกร่งกว่าเดิมได้ในรอบ river ดังนั้นพวกไพ่กลางๆก็ควรจะ check ไปในสถานการณ์ต่างๆ ด้วยเหตุผลที่ว่า….

  • ถ้า check ผ่านในรอบ turn ไพ่กลางๆที่เข้าไปในรอบ river ก็จะแข็งเพียงพอให้เดิมพันในรอบ river
  • เพราะคุณสามารถใช้ไพ่กลางๆจับบลัฟฟ์คู่ต่อสู้ได้
  • ไพ่กลางๆยังสามารถช่วยคุณจากการ showdown ไพ่แย่ๆอีกด้วย (อย่างเช่น AK ซึ่งก็เหมาะกับการ check ผ่าน)
  • การเอาไพ่กลางๆมา check ในรอบ turn จะเพิ่มเครดิตในการบลัฟฟ์ไพ่อ่อนๆในรอบ river

                ด้วยเหตุผลข้างบนนี้คุณจะสามารถเล่นได้อย่างมี EV ที่ดีที่สุด เพราะฉะนั้นกลยุทธ์ในการเล่นไพ่ใน range polarized นั้น คุณจะต้องเดิมพันให้หนักกว่าปกติเพื่อที่จะดึงมูลค่าให้กับไพ่ในมือและเพื่อเพิ่มความถี่ในการบลัฟฟ์ที่คุณจะสามารถทำได้ การเดิมพันต่ำกว่า 66% ของ pot เป็นการลดค่า EV รวมของคุณลง

8. คุณควรจะ c-bet อยู่ระหว่าง 25-40% ของ pot ในเกมที่มีการ 3-bet (ทริคข้อนี้จะเชื่อกับข้อ5)

                เพราะว่าอัตราส่วนของ stack และ pot จะต่ำเมื่ออยู่ในเกมที่มีการ 3-bet ถึงแม้ว่าคุณจะเริ่มจากการ c-bet ที่มูลค่าน้อยมากๆ แต่คุณสามารถหมด stack ได้ในรอบ river ด้วยการเดิมพันต่ำกว่ามูลค่า pot  มากไปกว่านั้นขนาดการเดิมพันนี้ก็เป็นที่ชื่นชอบของผู้เล่นหลายๆคนไม่ว่าจะมีตำแหน่งที่นั่งเป็นยังไง เหมือนอย่างที่บอกไปแล้วในกฎข้อแรกๆว่าการเดิมพันเล็กๆน้อยๆจะไปเป็นแรงกดดันคู่ต่อสู้ให้เข้าสู่สถานการณ์ที่ยากลำบาก (พวกไพ่กลางๆของ range ไพ่คู่ต่อสู้)

Source : https://upswingpoker.com/bet-size-strategy-tips-rules/